Home » เจ้าพ่อ AI เตือน!! มันกำลังเข้าใกล้ความฉลาดเกินกว่าที่มนุษย์จะควบคุมได้

เจ้าพ่อ AI เตือน!! มันกำลังเข้าใกล้ความฉลาดเกินกว่าที่มนุษย์จะควบคุมได้

2K views

เจฟฟรีย์ ฮินตัน ออกโรงเตือนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ AI กำลังฉลาดขึ้นอย่างรวดเร็วจนมนุษย์อาจสูญเสียการควบคุม เสี่ยงต่อภัยคุกคามทั้งระยะสั้นและระยะยาว

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดร.เจฟฟรีย์ ฮินตัน นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในวงการ AI และถูกเรียกว่า “เจ้าพ่อแห่ง AI” ได้ออกมาเตือนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยี AI ทั้งนี้เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาโครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของ AI สมัยใหม่ และเขาเพิ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ประจำปี 2024 จากผลงานนี้ที่เขามุ่งมั่นทำการวิจัยมาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาออกมาเตือนในเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้เขาได้ตัดสินใจลาออกจาก Google ในปี 2566 เพื่อให้เขาสามารถพูดถึง “ด้านมืด” หรืออันตรายของ AI ต่อสาธารณะได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทที่เขาทำงานอยู่ 

โดยเขายอมรับว่าตัวเขาเองก็เพิ่งจะตระหนักถึงความเสี่ยงที่แท้จริงของการที่ AI อาจฉลาดเกินกว่ามนุษย์เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง และได้เริ่มออกมาเตือนสังคมอย่างจริงจังถึงอันตรายของ AI อย่างจริงจัง ทั้งในแง่ความเสี่ยงต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง พร้อมเสนอให้ทุกฝ่ายเร่งหาทางรับมือและกำกับดูแลการพัฒนา AI อย่างรอบคอบและมีจริยธรรม คำเตือนของเขาทำให้ผู้คนทั่วโลกเริ่มสนใจและตั้งคำถามเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ในอนาคตอย่างจริงจังมากขึ้น

ในการให้สัมภาษณ์กับรายการ The Diary Of A CEO เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ฮินตัน ได้แสดงความกังวลอย่างชัดเจนว่า AI มีความสามารถที่เพิ่มขึ้นมากจนมนุษย์อาจจะควบคุมไม่ได้” เขาเน้นว่าความสามารถที่ก้าวหน้าของ Generative AI รุ่นใหม่ๆ ทำให้จากเดิมที่เขาเคยคิดว่า AI ยังคงด้อยกว่าสมองมนุษย์ในหลายๆ ด้าน แต่เมื่อเขาได้เห็นความสามารถของ Generative AI ที่สามารถให้เหตุผลและทำความเข้าใจในสิ่งต่างๆ ได้อย่างน่าทึ่ง ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป

เขาเห็นว่าช่องว่างระหว่างความสามารถของ AI กับมนุษย์กำลังลดลงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ และนี่คือจุดที่ทำให้เขามองเห็นถึงความเป็นไปได้ที่มนุษย์อาจจะสูญเสียการควบคุมในที่สุด

ฮินตัน แบ่งความกังวลออกเป็น 2 ด้านหลัก คือ อันตรายระยะสั้นและอันตรายระยะยาว สำหรับภัยคุกคามระยะสั้นนั้นส่วนใหญ่มาจากการที่มนุษย์นำ AI ไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ตัวอย่างเช่น การโจมตีทางไซเบอร์ที่มีการปลอมแปลงข้อมูล ภาพ หรือเสียงที่แนบเนียนจนตรวจสอบได้ยากขึ้น เช่น deepfake ยังรวมถึงการใช้ AI ในการแทรกแซงทางการเมืองและการเลือกตั้งที่แม่นยำมากขึ้น ทำให้การควบคุมข้อมูลที่เป็นจริงยากยิ่งกว่าเดิม เขายังแสดงความกังวลว่ามีการใช้ AI ในการสร้างอาวุธอัตโนมัติที่สามารถตัดสินใจโจมตีเป้าหมายได้เอง 

นอกจากนี้เริ่มมีการนำ AI มาทำการโจมตีและสร้างภัยทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การทำฟิชชิ่ง (Phishing) ที่มีความแนบเนียนและน่าเชื่อถือขึ้นมากจนหลอลลวงเหยื่อได้ง่ายขึ้น รวมถึงความสามารถในการใช้ AI สร้างไวรัสคอมพิวเตอร์สายพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อนสูงได้ง่ายขึ้น

และที่สำคัญยิ่งคือ AI อาจทำให้เกิดการแบ่งแยกทางสังคม เพราะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใช้ AI เพื่อคัดเลือกเนื้อหาให้ตรงกับความเชื่อเดิมของผู้ใช้ และมักจะป้อนเนื้อหาที่มีความสุดโต่งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อดึงดูดความสนใจ สิ่งนี้สร้าง “ห้องเสียงสะท้อน” ที่ตอกย้ำอคติและทำให้สังคมแตกแยกมากขึ้น

ส่วนภัยคุกคามระยะยาว ฮินตัน ได้เตือนอย่างชัดเจนว่า AI อาจพัฒนาความฉลาดที่เกินกว่ามนุษย์ และเริ่มมีเป้าหมายของตัวเองที่อาจขัดแย้งกับความปลอดภัยของมนุษยชาติ เขาเปรียบเทียบสถานการณ์นี้เหมือนกับการเลี้ยงลูกเสือที่ดูน่ารักแต่เราไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเมื่อโตขึ้นแล้วจะยังปลอดภัยสำหรับเราอยู่หรือไม่

เขายังบอกว่ามนุษย์อาจกลายเป็นเหมือนเด็กที่ถูก AI หลอกให้เลือกสิ่งที่ไม่ได้ต้องการจริงๆ เพราะ AI มีความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัวที่เร็วกว่ามนุษย์มาก รวมทั้งสามารถถ่ายทอดความรู้ไปยัง AI ตัวอื่นได้ทันที ทำให้ AI มีโอกาสที่จะฉลาดกว่ามนุษย์มากขึ้นอย่างรวดเร็ว

ความเหนือกว่าของ AI ที่มีต่อมนุษย์นั้นมาจากความแตกต่างพื้นฐานหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือความสามารถในการเรียนรู้แบบทวีคูณ เนื่องจาก AI เป็นระบบดิจิทัลที่สามารถสร้าง “โคลน” ของตัวเองนับล้านเพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ที่แตกต่างกัน และแบ่งปันความรู้นั้นให้กันและกันได้ในทันที ซึ่งต่างจากมนุษย์ที่เรียนรู้ได้ช้ากว่ามาก

นอกจากนี้ AI ยังมีความเป็นอมตะและมีความสามารถในการมองเห็นความเชื่อมโยงในข้อมูลที่ซับซ้อนเกินกว่ามนุษย์จะเข้าใจได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ที่เหนือกว่า ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ฮินตัน จึงเชื่อมั่นว่า AI กำลังมุ่งหน้าสู่การเป็น “Superintelligence” ที่จะฉลาดกว่ามนุษย์ในทุกมิติ 

ก่อนหน้านี้เขาเคยคาดการณ์ว่ากว่า AI จะมีความสามารถทางปัญญาสูงกว่าหรือเทียบเท่ามนุษย์ได้อย่างมีนัยสำคัญหรือเข้าสู่ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI) คงยังอยู่อีกยาวไกล คือประมาณ “30 ถึง 50 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้น”  แต่ปัจจุบันเขากลับมองว่ากรอบเวลานั้นสั้นลงอย่างมาก เหลือเพียง “10-20 ปี” หรืออาจจะ “น้อยกว่า 20 ปี”

ฮินตันยังคาดการณ์ว่ามีโอกาสถึง 10-20% ที่ AI อาจกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ภายใน 30 ปี หากไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม โดยยกตัวอย่างว่า หาก AI ต้องการกำจัดมนุษย์ มันสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การออกแบบและสร้างไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่มีความรุนแรงสูง ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถรับมือได้

นอกจากนี้ AI ยังอาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานของมนุษย์ ได้เตือนอย่างชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ที่มีต่อตลาดแรงงานในอนาคต โดยอาชีพกลุ่มที่เสี่ยงที่สุดคือกลุ่มที่เขาเรียกว่า “แรงงานที่ใช้ปัญญาทำซ้ำๆ” ซึ่งหมายถึง งานที่ต้องใช้ความคิดแต่เป็นงานที่ทำซ้ำๆ มีรูปแบบที่คาดเดาได้ เช่น งานเอกสาร การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น งานเสมียน หรือแม้แต่งานสร้างสรรค์บางอย่าง เขาเปรียบเทียบว่า การปฏิวัติ AI ครั้งนี้จะเข้ามาแทนที่ “แรงงานที่ใช้สมอง” คล้ายกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เคยเข้ามาแทนที่ “แรงงานที่ใช้กล้ามเนื้อ” ในอดีต

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้ให้คำแนะนำแบบติดตลก ว่าอาชีพที่อาจจะยังปลอดภัยในระยะยาวคืองานที่ต้องใช้ทักษะทางกายภาพที่ซับซ้อนและต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในสภาพแวดล้อมจริงที่คาดเดาไม่ได้ เช่น “ช่างประปา” เนื่องจาก ณ ปัจจุบัน การสร้างหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่สามารถเคลื่อนไหวและทำงานฝีมือในโลกจริงได้อย่างคล่องแคล่วยังคงเป็นเรื่องที่ห่างไกล

ดังนั้น ฮินตันจึงเรียกร้องให้มีการควบคุมและจัดการ AI อย่างจริงจัง เขาเสนอให้มีการลงทุนในการวิจัยด้านความปลอดภัยของ AI มากขึ้น รวมถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อกำหนดมาตรฐานและกฎระเบียบในการใช้งาน AI อย่างชัดเจน และยืนยันว่าควรห้ามนำ AI ไปใช้ในด้านการทหารอย่างเด็ดขาด แม้เขาจะยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องยากเนื่องจากมีการแข่งขันสูงในด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างประเทศต่างๆ ก็ตาม

ท้ายที่สุด ความกังวลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฮินตัน คือภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ การที่เขาออกมาเตือนเรื่องนี้ในฐานะผู้ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนา AI ทำให้เราเห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมตัวรับมืออย่างจริงจังตั้งแต่ตอนนี้ โดยควรให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของ AI การกำหนดกฎระเบียบการใช้ AI ที่ชัดเจนทั้งระดับองค์กรและระดับชาติ

You may also like

The-Perspective แหล่งรวมองค์ความรู้ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ เกาะติดข่าวสารคาดการณ์อนาคต

Tel:  081-619-9494
Email:
editor@the-perspective.co
naiyanaone@gmail.com

Total Visit:

345,642

345,642

Editors' Picks

Latest Posts

The-Perspective © All Right Reserved.

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเก็บข้อมูลและรวบรวมสถิติวิจัยทางด้านการตลาด การวิเคราะห์แนวโน้ม ตลอดจนนำมาปรับปรุง และควบคุมการทำงานของเว็บไซต์ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอม ท่านยังสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้ปกติ ยอมรับทั้งหมด