Home » ชี้จุดบอดการแยก Sustainability กับ Digital Transformation ทำให้ไม่บรรลุผล

ชี้จุดบอดการแยก Sustainability กับ Digital Transformation ทำให้ไม่บรรลุผล

โดย กองบรรณาธิการ
117 views

รายงานจาก Paessler ระบุว่า แนวปฏิบัติด้านความยั่งยืน (Sustainability) และการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) ขององค์กรต่างๆ ในไทย มักมีเส้นทางที่แยกกันอย่างชัดเจน เป็นสาเหตุทำให้ไม่บรรลุผลเท่าที่ควร

โดยรายงานได้เปิดเผยเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 จาก Paessler ผู้เชี่ยวชาญด้านการมอนิเตอร์โครงสร้างและเครือข่ายระบบ IT ในหัวข้อ “ทิศทางที่ต้องจับตา: การมอนิเตอร์ระบบ คือ เส้นทางสู่ระบบ IT ที่ยั่งยืน” ระบุถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนในธุรกิจต่างๆ โดยเจาะลึกลงไปถึงปัจจัยขับเคลื่อนและอุปสรรคต่อการดำเนินแผนด้าน IT ที่ยั่งยืน

ข้อมูลในรายงานแสดงถึง อุปสรรคสำคัญต่อการเดินหน้าตามแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนในไทย มีดังนี้ ปัญหาการขาดความรู้เชิงเทคนิคในการดำเนินแผนงาน (58%) การขาดความชัดเจนจากหน่วยงานภาครัฐในเรื่องมาตรฐานการรายงานผล (53%) ต้นทุนการดำเนินแผนงาน (48%) และปัญหาการบริหารตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโต (40%)  ดังภาพประกอบหลัก

องค์กรต่างๆ ในไทยราว 55% มองสถานการณ์ในแง่บวกและมั่นใจในสถานการณ์ธุรกิจในอีก 3 ปี ข้างหน้า รายงานยังเปิดเผยด้วยว่า ธุรกิจในไทย มองเรื่องความยั่งยืน และการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เป็นคนละส่วนโดยไม่เกี่ยวข้องกัน ทำให้องค์กรต่างๆ จัดทำกรอบการทำงานด้านความยั่งยืนและกลยุทธ์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแยกจากกัน ท้ายที่สุดก็ทำให้การใช้ทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ เวลา และทักษะ ไม่บรรลุผลเท่าที่ควร อีกทั้งยังขาดความสามารถ และความชำนาญในการจัดทำ กรอบการทำงานด้านความยั่งยืนและดำเนินการตามแผนดังกล่าว จนเห็นได้ชัดว่าแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนและการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นขององค์กรต่างๆ ในไทย ไม่ได้เดินไปในทิศทางเดียวกัน

ขณะเดียวกัน องค์กรในไทยต่างตระหนักถึง ประโยชน์ของการมอนิเตอร์โครงสร้างระบบ IT ไม่ว่าจะในฐานะฟันเฟืองหลักในกลยุทธ์ IT ขององค์กรที่ช่วยมอนิเตอร์ปัจจัยในสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้น คาร์บอนไดออกไซด์ ฯลฯ (100%) ปรับปรุงและลดการใช้พลังงาน (95%) แจกแจงตัวเลขการประหยัดทรัพยากร (92%) วิเคราะห์ความจำเป็นที่แท้จริงของอุปกรณ์ IT (86%) และลดการปล่อยมลพิษ (78%)

ดังนั้นกลยุทธ์ IT ที่ยั่งยืนภายใต้กรอบการมอนิเตอร์ระบบที่ครอบคลุมจึงถือเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพราะกลยุทธ์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน จะช่วยผสานองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนเข้าด้วยกัน เช่น การจัดหาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และองค์ประกอบด้านอื่นๆ

ในปี 2566 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวราว 3.6% [1] ขณะที่ธุรกิจจำนวนมากก็หันมาให้ความสำคัญกับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ความยั่งยืน การเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมตัวรับมือกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก[2]

[1] Source: Thailand Economic Monitor report

[1] Source: IMF report

เฟลิกซ์ เบิร์นดท์ ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Paessler กล่าวว่า “ธุรกิจจำนวนมากมองว่าความยั่งยืนและผลกำไรไปด้วยกันไม่ได้ แต่ถ้าวัดผลด้วยค่าที่ถูกต้อง ก็จะทราบว่าการประหยัดค่าใช้จ่ายและความได้เปรียบทางการแข่งขันล้วนเกิดขึ้นได้จริง สิ่งสำคัญก็คือ การจัดทำกลยุทธ์ IT และดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ชัดเจน ตลอดจนการจัดทำกรอบการทำงานด้านความยั่งยืน ที่ทั้งหมดล้วนเชื่อมโยงอยู่ ภายใต้เฟรมเวิร์กการมอนิเตอร์ระบบ IT ที่ครอบคลุม การลดช่องว่าง ระหว่างแผนงาน ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันกับความยั่งยืน เพื่อให้เกิดการตัดสินใจที่อิงตามข้อมูล จะนำไปสู่การใช้ทรัพยากร อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และให้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจแก่ธุรกิจ”

หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติงานของบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคแห่งหนึ่งในไทยอธิบายว่า “โรคระบาดได้เปลี่ยนวิธีดำเนินธุรกิจของเราในทุกวันนี้ หากเราไม่ปรับโมเดล และหันหัวไปทางอีคอมเมิร์ซและการขายตรงถึงลูกค้า ธุรกิจก็คงเดินหน้าไปลำบาก เส้นทางการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของเราค่อนข้างประสบความสำเร็จ และเราจะยังเดินหน้าตามแนวทางนี้ต่อไป”

แนวปฏิบัติด้านความยั่งยืน (ESG) และแผนงานด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่เดินไปคนละทิศคนละทาง

แม้ความยั่งยืนจะจัดอยู่ในความสำคัญ 1 ใน 3 ลำดับแรกของธุรกิจในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่กลับไม่ติดอันดับ 1 ใน 5 ปัจจัยที่ท้าทายของธุรกิจในทุกตลาดและภาคส่วน ซึ่งประกอบด้วยการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน การเติบโต (เพิ่มรายได้) การเพิ่มผลกำไร (กำไรสุทธิ) และการบริหารผู้มีความสามารถโดดเด่น สำหรับปัจจัยขับเคลื่อน 3 อันดับแรกในการดำเนินแผนตามกรอบการทำงานด้านความยั่งยืน ได้แก่ ชื่อเสียง (45%) มาตรฐานการปฏิบัติงานในอุตสาหกรรม (36%) และการปฏิบัติตามกรอบและกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแล

ธุรกิจด้านเทคโนโลยี โทรคมนาคม และศูนย์ข้อมูล (82%) ถือเป็นกลุ่มที่มีความพร้อม ด้านกลยุทธ์ IT ที่ยั่งยืน ตามมาด้วยธุรกิจในภาคการผลิต (79%) และบริการที่สำคัญต่อสาธารณะ/ภาครัฐ (66%) ขณะที่ภาครัฐค่อนข้างล่าช้าในเรื่องดังกล่าว มีเพียง 31% เท่านั้นที่ระบุว่า จะเริ่มดำเนินกลยุทธ์ IT ที่ยั่งยืนในปีหน้า การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันทำให้ธุรกิจเกิดความยั่งยืน เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และบรรลุเป้าหมายความยั่งยืน การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมจะช่วยในการมอนิเตอร์และปรับปรุงการใช้พลังงาน ลดของเสีย และทำให้ห่วงโซ่อุปทานเกิดความคล่องตัว และเมื่อนำเทคโนโลยีการมอนิเตอร์ระบบ IT ที่มีประสิทธิภาพเข้ามาใช้งานในส่วนต่างๆ ก็จะช่วยเพิ่มพูนข้อมูลและยกระดับกลยุทธ์ IT ที่ยั่งยืนให้ดียิ่งขึ้น


หมายเหตุ

รายงานของ Paessler ที่ชื่อว่า ทิศทางที่ต้องจับตา: การมอนิเตอร์ระบบคือเส้นทางสู่ระบบ ITที่ยั่งยืน จัดทำโดย Intuit Research ในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ถึงมีนาคม 2566 เพื่อทำความเข้าใจแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนในปัจจุบันของธุรกิจต่างๆ โดยเจาะลึกลงไปถึงปัจจัยขับเคลื่อนและอุปสรรคต่อการดำเนินแผนด้าน IT ที่ยั่งยืน โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์ผู้มีอำนาจตัดสินใจในธุรกิจขนาดใหญ่ (รายได้ 50 ล้าน ถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ใน 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ และรวบรวมความคิดเห็นจากผู้มีอำนาจตัดสินใจทางธุรกิจระดับอาวุโสใน 3 ภาคส่วนหลัก ได้แก่ ภาคการผลิต บริการที่สำคัญต่อสาธารณะ และเทคโนโลยี/โทรคมนาคม/ศูนย์ข้อมูล

You may also like

The-Perspective แหล่งรวมองค์ความรู้ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ เกาะติดข่าวสารคาดการณ์อนาคต

Tel:  081-619-9494
Email:
editor@the-perspective.co
naiyanaone@gmail.com

Total Visit:

N/A

Editors' Picks

Latest Posts

The-Perspective © All Right Reserved.

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเก็บข้อมูลและรวบรวมสถิติวิจัยทางด้านการตลาด การวิเคราะห์แนวโน้ม ตลอดจนนำมาปรับปรุง และควบคุมการทำงานของเว็บไซต์ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอม ท่านยังสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้ปกติ ยอมรับทั้งหมด