บทความโดย คุณปฐม อินทโรดม กรรมการสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (เขียนเมื่อ 20 พ.ย. 2564)
หลายปีก่อนผมมีโอกาสเป็นกรรมการตัดสินการประกวดแผนธุรกิจงานหนึ่ง หลังจากอ่านเปเปอร์แล้วพบว่าเด็กไทยมีโอกาสชนะสูงมากเพราะเตรียมพร้อมมาดี ตรงกันข้ามกับทีมอินเดียที่ดูแล้วเปเปอร์อ่อนที่สุด แต่สุดท้ายแล้วเราได้แค่ที่ 2 ส่วนอินเดียได้รางวัลชนะเลิศ เพราะอะไรคงเดากันออก
มาวันนี้กลายเป็นเรื่องปกติที่เราจะเห็นคนอินเดียก้าวขึ้นมาเป็น CEO บริษัทชั้นนำของโลก โดยเฉพาะธุรกิจดิจิทัลอย่าง Google, Microsoft, Adobe, IBM, Palo Alto และบริษัทข้ามชาติที่เราคุ้นกันดีอย่าง Mastercard, Pepsi, Novartis ฯลฯ
มีหลายเหตุผลที่คนอินเดียโดดเด่นเกินหน้าคนชาติอื่น โดยเฉพาะระบบการศึกษา แต่ส่วนตัวผมคิดว่า “บุคลิก” ของคนอินเดียนี่แหละที่ตรงใจบริษัทระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นทักษะการสื่อสารเป็นเลิศ หรือความกล้าแสดงออกเพื่อทำให้ตัวเองโดดเด่น
ผมนึกถึงทีมอินเดียที่ได้รางวัลชนะเลิศในครั้งนั้น แม้เปเปอร์จะห่วย แต่การนำเสนอเขาเริ่ดจริง และช่องโหว่ในแผนธุรกิจก็ถูกกลบด้วยคำตอบที่พริ้วสุด ๆ บวกกับความ “กล้าโม้” โชว์วิสัยทัศน์จนชนะใจกรรมการไปในที่สุด
กลับมาที่ทีมไทย ซึ่งบุคลิกของคนไทยส่วนใหญ่ เราจะออกไปทาง “สายจีน” คืออ่อนน้อมถ่อมตน ไม่คุยโวโอ้อวด ซึ่งก็เหมาะกับคนจีนเป็นอย่างดีเพราะคนจีนส่วนใหญ่ไม่ขวนขวายเติบโตเป็น CEO บริษัทต่างชาติกันสักเท่าไรนัก แต่เขาเลือกที่จะเป็นเจ้าของกิจการเองมากกว่า
สุดท้ายเราจึงเห็นบริษัทจีนอย่าง Alibaba, Tencent, ByteDance, Huawei ก้าวมาเป็นคู่แข่งของบริษัทระดับโลกที่มี CEO เป็นคนอินเดีย
แล้วคนไทยที่บุคลิกไปทางจีนมากกว่าอินเดีย เราไปได้ไกลแค่ไหนในเวทีโลก? คำตอบคือเราไปไม่สุดสักทาง คือจะอ่อนน้อมถ่อมตนแบบจีนก็ครึ่งกลาง ๆ แถมจะโม้ก็สู้อินเดียไม่ได้ และยังไม่มีบุคลิกเฉพาะตัวที่จะมีที่ยืนในเวทีโลกเหมือนกันหลาย ๆ ประเทศ
ดูอย่างอิสราเอลที่ผงาดขึ้นมาในโลกเทคโนโลยีได้ นอกจากระบบการศึกษาที่เอื้อกับงานวิจัยและพัฒนาอย่างเต็มร้อยแล้ว ธุรกิจของอิสราเอลกลับมีที่ยืนที่ชัดเจนในการอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัทชั้นนำของโลกไม่ว่าจะเป็นอเมริกา จีน หรือบริษัทที่มีคนอินเดียเป็น CEO ก็ตามจนถึงขั้นที่บริษัทเหล่านั้นบอกว่าตัวเองอยู่ไม่ได้หากขาดบริษัทพันธมิตรจากอิสราเอล
หันมามองเด็กไทยในวันนี้ คนรุ่นใหม่มีทักษะในการสื่อสารที่ดีขึ้นกว่าคนรุ่นก่อนชัดเจน แต่เราจะพัฒนาบุคลิกของพวกเขาไปในแนวทางไหน คงเป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจกันมากกว่านี้นะครับ