Home » ทำไมราคาที่ดินกับ“เครื่องมือทำกิน”บ้านเราไม่สัมพันธ์กัน

ทำไมราคาที่ดินกับ“เครื่องมือทำกิน”บ้านเราไม่สัมพันธ์กัน

โดย ปฐม อินทโรดม
66 views

บทความโดย คุณปฐม อินทโรดม กรรมการสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (เขียนเมื่อ 28 ม.ค. 2565)

ผมเรียนจบปี 2536 ได้เงินเดือนเริ่มต้น 12,500 บาท เก็บเงินได้ 4-5 ปี ก็คิดอยากมีบ้าน สมัยนั้นที่ดินแถวชานเมืองอย่างสนามบินน้ำ ตารางวาละหมื่นกว่าบาท พอกับเงินเดือนๆ หนึ่ง

หลังต่อๆ มา รวมทั้งคอนโดในเมือง อันนี้อาศัยเงินจากหุ้นเป็นหลักครับ ถ้าไม่ได้ IPO จากบริษัทต่างๆ ที่ทยอยเข้าตลาดนี้บอกเลยว่าคงไม่มีปัญญาแน่นอน

มาถึงปัจจุบัน เด็กจบใหม่เงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท เทียบกับผมแล้วเท่ากับเพิ่มขึ้นมา 20% แต่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นมาอย่างน้อย 500% เห็นแบบนี้แล้วคงไม่ต้องถามว่า ทำไมเด็กรุ่นใหม่ไม่ขยันไม่อดทนเก็บเงินซื้อบ้าน?

แต่สำหรับเด็กที่ขยันและขวนขวาย การจะซื้อที่ดิน บ้าน และคอนโด มันต้องมีฝันก่อนครับ ถ้ารู้สึกว่าฝันมันไกลเกินไป เราต้องหา “เครื่องมือสร้างฝัน” ซึ่งในยุคผมก็คือ ตลาดหลักทรัพย์ ที่ช่วยทำให้ฝันเป็นจริงได้ด้วยการเอาบริษัทเข้าตลาดและการเลือกลงทุนในหุ้นที่มีอนาคต

ผ่านมา 20 ปี ราคาที่ดินขยับไปเกิน 5 เท่า แต่เราไม่มีเครื่องมืออะไรใหม่ๆ ให้เด็กรุ่นใหม่เลย เขากำลังตื่นตาตื่นใจกับตลาดคริปโตฯ ก็ไปตัดขาเขาเสียแล้ว ตัดได้ไม่ว่า แต่ต้องมีทางเลือกอื่นๆ ให้เขาด้วย!

————————————

เพิ่มเติมจากที่ให้สัมภาษณ์น้องแอน ช่อง 3 ไปเมื่อวานซืนนะครับ

โอกาสที่เปิดให้คนแต่ละรุ่นมันไม่เหมือนกันเลย รุ่นพ่อรุ่นแม่ผมคือ ระบบธนาคาร มารุ่นผมอาศัยตลาดหลักทรัพย์อย่างที่เล่าไปแล้ว แต่เด็กรุ่นใหม่ในบ้านเราไม่มีจริงๆ ครับ!

ในขณะที่อเมริกาใช้โลกดิจิทัลสร้าง “เครื่องมือทำกิน” ให้คนรุ่นใหม่มากมาย เช่น Crowdfunding ที่ต้นตำหรับ Metaverse อย่าง Oculus ใช้เว็บ Kickstarter ระดมทุนได้เงินมาตั้งต้นธุรกิจได้ง่ายๆ และคนธรรมดาก็มีโอกาสได้มีส่วนเป็นเจ้าของบริษัทเจ๋งๆ แบบนี้ ก่อนที่ Facebook จะซื้อกิจการไปเมื่อปี 2014

ผมไม่ได้สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่หันมาลงกับเงินคริปโตฯ (แต่เด็กรุ่นใหม่ที่เก่งจริงๆ เขาเลยจุดนั้นไปหาอิสรภาพบน DEFI กันหมดแล้ว)

ดังนั้นจะแบนก็ได้แต่ต้องมีทางเลือกให้เขา นึกถึงยุคคน Gen X ที่เบี่อหน่ายระบบระเบียบของ SET จึงตาโตเมื่อมีตลาด MAI เกิดขึ้น แต่วันนี้ MAI ก็ไม่หวือหวาอีกต่อไปแล้ว เราทำ MDI หรือ Market for Digital Investment ไม่ได้หรือ ? คือเน้นการลงทุน Startup ที่ยังไม่ทำกำไรแต่มีโอกาสสำเร็จได้แบบสิบเท่าร้อยเท่า ความเสี่ยงเป็นของผู้ลงทุนซึ่งดีกว่า NFT และ Token ที่เป็นแชร์ลูกโซ่ในทุกวันนี้แน่ๆ

มีทางเลือกให้เขา ให้เขารู้สึกมีความหวังที่จะซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน สร้างครอบครัว อัตราการผลิตลูกน่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ครับ

You may also like

The-Perspective แหล่งรวมองค์ความรู้ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ เกาะติดข่าวสารคาดการณ์อนาคต

Tel:  081-619-9494
Email:
editor@the-perspective.co
naiyanaone@gmail.com

Total Visit:

N/A

Editors' Picks

Latest Posts

The-Perspective © All Right Reserved.

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเก็บข้อมูลและรวบรวมสถิติวิจัยทางด้านการตลาด การวิเคราะห์แนวโน้ม ตลอดจนนำมาปรับปรุง และควบคุมการทำงานของเว็บไซต์ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอม ท่านยังสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้ปกติ ยอมรับทั้งหมด