รายงานล่าสุดจาก CrowdStrike เผยว่าธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMBs) จำนวนมากยังตามไม่ทันในการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยมีเพียง 11% ของผู้ตอบแบบสำรวจที่นำระบบ AI มาใช้ในการป้องกันภัยไซเบอร์
ข้อมูลสำคัญจากการวิจัย (เผยแพร่วันที่ 5 พฤษภาคม 2025)
SMBs ที่มีพนักงานน้อยกว่า 50 คน
- เพียง 47% ระบุว่ามีแผนด้านความปลอดภัยไซเบอร์ไว้แล้ว
- มากกว่าครึ่งของบริษัทในกลุ่มนี้ลงทุนด้านความปลอดภัยไซเบอร์คิดเป็นน้อยกว่า 1% ของงบประมาณประจำปี
แนวโน้มการลงทุนในเครื่องมือใหม่
- 93% ของ SMBs บอกว่ามีความรู้ในเรื่องความเสี่ยงไซเบอร์
- 83% มีแผนรองรับอยู่แล้ว
- แต่มีเพียง 36% เท่านั้นที่ลงทุนในเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับภัยคุกคาม
ปัจจัยด้านต้นทุน
- 67% ของ SMBs ให้ความสำคัญกับ “ความคุ้มค่า” มากกว่าความสามารถในการป้องกันภัยระดับสูง
- มีเพียง 57% เท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันภัยไซเบอร์ขั้นสูง
- และเพียง 6.5% คิดว่า งบประมาณด้านไซเบอร์ที่มีอยู่เพียงพอแล้ว
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
Lisa Campbell – รองประธานฝ่าย SMB จาก CrowdStrike
แม้ธุรกิจเหล่านี้จะตระหนักถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นแล้ว แต่ยังคงมีข้อจำกัดด้านเวลา ทรัพยากร และความเชี่ยวชาญ ทำให้ไม่สามารถป้องกันตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องการเทคโนโลยีที่ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน และคุ้มค่า
Chen Burshan – CEO ของ Skyhawk Security
ธุรกิจขนาดเล็กต้องเผชิญกับความเสี่ยงบนโลกไซเบอร์ไม่ต่างจากองค์กรขนาดใหญ่ แต่ทีมงานด้านความปลอดภัยกลับมีเพียง 1-3 คน ดังนั้น AI จึงกลายเป็น “เครื่องมือสร้างความเท่าเทียม” ที่สามารถช่วยเหลือทีมให้ทำงานฉลาดขึ้น ลดภาระ และวิเคราะห์ความเสี่ยงได้แม่นยำขึ้น
Trey Ford – CISO จาก Bugcrowd
SMB ควรเริ่มจากระบบควบคุมพื้นฐาน เช่น:
- เครื่องมือควบคุมสินทรัพย์ (Inventory)
- การอัปเดตระบบและแพตช์
- ระบบความปลอดภัยสำหรับแอปพลิเคชัน
- การใช้ระบบ Single Sign-On (SSO) และ Multi-Factor Authentication (MFA)
“เลือกใช้บริการที่รองรับ SSO และบังคับใช้ MFA เท่านั้น” — Trey Ford
สรุป
แม้ SMBs จะเริ่มรู้เท่าทันความเสี่ยงในโลกไซเบอร์มากขึ้น แต่ปัญหาด้านทรัพยากร งบประมาณ และบุคลากรทำให้การปรับตัวด้วย AI ยังล่าช้า การมีเทคโนโลยีที่ใช้งานง่ายและคุ้มค่า จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับธุรกิจเล็ก ๆ ในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามที่ซับซ้อนในยุคดิจิทัล