บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับมหาวิทยาลัยสยาม นำโดย ดร.ธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ พร้อมด้วย ดร.พรชัย มงคลวนิช อธิการบดีมหาวิทยาลัยสยาม ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการในโครงผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่
ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนาหลักสูตรด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับการประกอบธุรกิจ ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาทักษะพนักงานในองค์กร ให้สามารถสร้างศักยภาพที่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เสนามุ่งมั่นส่งเสริมการศึกษาและการพัฒนาตนเองของพนักงานในทุกภาคส่วน ด้วยความเชื่อมั่นว่าการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้อย่างต่อเนื่องคือรากฐานสำคัญของความสำเร็จ ไม่เพียงเพื่อองค์กรเท่านั้น แต่เพื่อตัวพนักงานเอง และยังช่วยสร้างสังคมที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมาเสนาได้สนับสนุนให้พนักงานเข้าอบรมสัมมนาต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาศักยภาพในทุกมิติ
และครั้งนี้ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสยามในโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ พัฒนาหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการประกอบธุรกิจ ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้นักศึกษาได้รับความรู้ที่ทันสมัย เพิ่มทักษะที่สำคัญ และนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี”
การลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเสนาในการมอบโอกาสทางการศึกษา เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับพนักงาน โดยมองว่าการศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างพลังหรือ Empowerment ให้กับบุคลากร เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะที่สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล เสนายึดมั่นในแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ
ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 4 ด้านการศึกษา (Quality Education) ที่มุ่งเน้นการให้โอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม และ SDG 8 ด้านการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน (Decent Work and Economic Growth) ด้วยการสร้างงานที่มีคุณภาพ การจ้างงานเต็มที่เหมาะสมสำหรับทุกคน
เสนาเชื่อมั่นว่าการพัฒนาคนให้มีศักยภาพและองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี ไม่เพียงแต่จะช่วยพัฒนาตัวพนักงานเอง แต่ยังสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร ก้าวสู่อนาคตที่ดีอย่างยั่งยืน และเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศต่อไปอีกด้วย
