ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ยังคงรักษาตำแหน่งแถวหน้าในแวดวงซัพพลายเชนระดับโลกด้วยการครองอันดับ 1 ในการจัดอันดับ Gartner® Top 25 Supply Chain ประจำปี 2025 ซึ่งถือเป็นครั้งที่สามติดต่อกันที่บริษัทได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดนี้ ด้วยความเป็นผู้นำในด้านการปฏิวัติการจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ พร้อมกับการเร่งขับเคลื่อนธุรกิจผ่านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ เกณฑ์การประเมินของ Gartner ในการจัดอันดับนี้ไม่ได้พิจารณาแค่ผลดำเนินงานทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความคิดเห็นและการประเมินจากชุมชนผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ด้านซัพพลายเชนเพื่อสะท้อนถึงศักยภาพและความเป็นผู้นำในอนาคตด้วย
Gartner ได้ใช้เกณฑ์หลักสองส่วนสำคัญในการจัดอันดับ ได้แก่ ผลการดำเนินงานทางธุรกิจที่อ้างอิงจากข้อมูลทางการเงินที่เปิดเผยต่อสาธารณะและข้อมูลด้าน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ย้อนหลังสามปี และส่วนความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญที่ประเมินถึงวิสัยทัศน์และศักยภาพของบริษัทรวมถึงบทบาทความเป็นผู้นำในชุมชนซัพพลายเชน ซึ่งเมื่อรวมคะแนนสองส่วนนี้แล้วจะได้คะแนนรวมเพื่อนำมาจัดลำดับ
มูราด ตามูด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายซัพพลายเชนของชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าวว่า บริษัทรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับจาก Gartner และผู้ร่วมอุตสาหกรรม พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้าและยกระดับมาตรฐานความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุนในบุคลากรและเทคโนโลยีล้ำสมัยแห่งยุคอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 โดยมีเป้าหมายพัฒนาซัพพลายเชนให้มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น การยืนตำแหน่งอันดับ 1 สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางและกลยุทธ์ที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริคดำเนินมานั้นถูกต้องและได้ผล
นอกจากการครองอันดับในรายงาน Gartner แล้ว เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้รับเกียรติจาก Gartner ในงาน Power of the Profession Supply Chain Awards โดยผ่านเข้ารอบสุดท้ายในสาขา Customer or Patient Innovation of the Year ด้วยผลงานสร้างซัพพลายเชนเฉพาะบุคคลสำหรับลูกค้ากลุ่ม OEM หรือผู้ผลิตอุปกรณ์ต้นแบบ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการตอบโจทย์ลูกค้าอย่างเฉพาะเจาะจงและสร้างนวัตกรรมเชิงปฏิบัติในระบบซัพพลายเชน
ในด้านโครงการความยั่งยืนที่สำคัญ ปัจจุบันชไนเดอร์ อิเล็คทริคได้ดำเนินโครงการ Impact Supply Chain Transformation ซึ่งอยู่ในปีที่ 2 ของระยะเวลาสามปี โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งมอบผลกระทบเชิงบวกให้แก่องค์กรลูกค้าและสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยกลยุทธ์สำคัญ 4 ด้านได้แก่ การเสริมศักยภาพบุคลากรให้สามารถสร้างนวัตกรรมที่สร้างผลลัพธ์เชิงบวก การพัฒนาซัพพลายเชนที่ยั่งยืนและเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Net-Zero รองรับพันธกิจความรับผิดชอบต่อโลก การสร้างความมั่นใจในคุณภาพและความไว้วางใจของลูกค้า และการขับเคลื่อนประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีทันสมัยพร้อมกระบวนการทำงานที่คล่องตัว
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ก่อตั้งวิสัยทัศน์เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกในทุกภาคส่วน โดยมุ่งหวังให้ทุกคนได้ใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงเชื่อมโยงระหว่างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีกับความยั่งยืน ที่บริษัทเรียกแนวคิดนี้ว่า “Life Is On” พร้อมภารกิจเป็นพันธมิตรที่ไว้ใจได้ด้านความยั่งยืนและประสิทธิภาพการทำงาน
องค์กรนี้เป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งพลังงานไฟฟ้า ระบบอัตโนมัติ และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล โดยนำเสนอเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) ผนวกกับระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในรูปแบบ end-to-end ตลอดอายุของผลิตภัณฑ์ ทำให้ลูกค้าได้รับโซลูชันที่เชื่อมต่อและซับซ้อน เช่น ระบบอัตโนมัติ ซอฟต์แวร์บริการ และเทคโนโลยี digital twins ซึ่งช่วยเพิ่มผลกำไรและความได้เปรียบทางธุรกิจได้อย่างโดดเด่น
ด้วยจำนวนพนักงานถึงกว่า 150,000 คน และเครือข่ายพันธมิตรคู่ค้ามากกว่า 1 ล้านราย พร้อมกับการดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศ บริษัทจึงสามารถเข้าถึงลูกค้าและบุคลากรได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังตระหนักถึงความสำคัญของความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของพนักงานในองค์กร เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมายในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน
ชไนเดอร์ อิเล็คทริคจึงไม่ใช่เพียงผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม แต่ยังเป็นต้นแบบขององค์กรที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างซัพพลายเชนที่มีความยืดหยุ่น ยั่งยืน และตอบโจทย์อนาคตที่ท้าทายไปพร้อมกันอย่างครบวงจร ซึ่งการได้รับการรับรองจาก Gartner ในครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของวงการต่อความสามารถและวิสัยทัศน์ของบริษัทอย่างชัดเจน