Home » ไทยเบฟ เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สานต่อวิสัยทัศน์ “PASSION 2030” ขับเคลื่อนคุณค่าเพื่อสังคมและเศรษฐกิจไทย

ไทยเบฟ เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สานต่อวิสัยทัศน์ “PASSION 2030” ขับเคลื่อนคุณค่าเพื่อสังคมและเศรษฐกิจไทย

โดย Reporter 1
291 views

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (“ไทยเบฟ” หรือ “กลุ่ม”) ประกาศทิศทางธุรกิจมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน แม้อยู่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความท้าทาย แต่ไทยเบฟยังคงเดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลักการบริหารจัดการที่สมดุลระหว่าง “ประสิทธิภาพ – การเติบโต – ความยั่งยืน” เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจในทุกมิติ ทั้งในด้านโครงสร้าง การบริหารบุคลากร และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ตอกย้ำจุดยืนผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหารครบวงจรในภูมิภาค

หนึ่งในก้าวสำคัญของปีที่ผ่านมา คือการผนวกรวมธุรกิจของ เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ, ลิมิเต็ด (F&N) ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ซึ่งช่วยขยายขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มพอร์ตโฟลิโอสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น พร้อมเดินหน้าตามแผน PASSION 2030 วิสัยทัศน์หลักในการสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน ทั้งในมิติธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ไทยเบฟก้าวสู่อนาคตอย่างแข็งแกร่ง เป็นองค์กรที่สร้างคุณค่าร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง

กลุ่มไทยเบฟ การสร้างความพร้อมรับมืออนาคตด้วยกลยุทธ์ Reach Competitively และ Digital for Growth

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ยังคงนำพาองค์กรก้าวต่อไปอย่างมั่นคง ภายใต้ยุทธศาสตร์ PASSION 2030 ด้วยแนวทาง “สร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง เติบโตอย่างยั่งยืน” โดยยึดหลักความยืดหยุ่นและการบริหารจัดการอย่างรอบด้าน คุณฐาปนมองว่าความสำเร็จในระยะยาวขององค์กรไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลประกอบการเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความพร้อมขององค์กรในการปรับตัว รับมือกับการเปลี่ยนแปลง และขับเคลื่อนด้วยพลังของ “คน ข้อมูล และความเข้าใจผู้บริโภค”

ไทยเบฟเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์สำคัญ “Reach Competitively” หรือการเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ โดยขยายเครือข่ายการผลิตและจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงประเทศในภูมิภาค เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ในเครือสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง รวดเร็ว และต้นทุนแข่งขันได้ องค์กรยังนำเทคโนโลยีและข้อมูลเชิงลึกมาช่วยวิเคราะห์ความต้องการล่วงหน้า เพื่อวางแผนการผลิตและจัดการสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความสูญเปล่าในกระบวนการผลิต และสร้างสมดุลระหว่างความเร็ว ความยืดหยุ่น และความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน

พร้อมกันนี้ ไทยเบฟยังขับเคลื่อนอีกหนึ่งเสาหลัก “Digital for Growth” เพื่อใช้ดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยพัฒนาแพลตฟอร์มและระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อใช้ในการตัดสินใจเชิงธุรกิจในทุกมิติ ตั้งแต่การผลิต การตลาด การขาย ไปจนถึงการวางแผนซัพพลายเชน ตลอดจนพัฒนาเครื่องมือ Data Analytics เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจากหลากหลายช่องทาง มาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่มได้อย่างแม่นยำ กลยุทธ์นี้ทำให้ไทยเบฟก้าวสู่การเป็นองค์กรที่เติบโตบนฐานข้อมูลอย่างแท้จริง พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้ทุกหน่วยงานดำเนินงานบนหลักความเข้าใจและการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน

นอกจากการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีแล้ว ไทยเบฟยังให้ความสำคัญกับ “คน” ในฐานะหัวใจหลักขององค์กร คุณฐาปนเชื่อว่าการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพคือรากฐานของความเข้าใจ และความเข้าใจคือพลังที่ขับเคลื่อนทีมงานให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน ไทยเบฟจึงสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง โปร่งใส และให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กร ขณะเดียวกัน ไทยเบฟยังสานต่อความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนผ่านการเป็นเจ้าภาพร่วมจัดงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) ร่วมกับพันธมิตรหลายภาคส่วน เพื่อสืบสานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผ่านโครงการปลูกป่า การสร้างฝายชะลอน้ำ และการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว แต่ไทยเบฟยังคงแสดงศักยภาพด้านความแข็งแกร่งทางการเงินได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายรวมกว่า 258,621 ล้านบาท ในช่วง 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 และมีกำไร EBITDA 45,026 ล้านบาท ลดลงเพียง 4% จากปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารต้นทุนและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพสูง ภายใต้การนำของคุณฐาปน ไทยเบฟจึงไม่เพียงเป็นองค์กรที่เติบโตในเชิงธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นองค์กรที่เติบโตบนพื้นฐานของ “ความพร้อม ความยั่งยืน และความเข้าใจในผู้บริโภค” อย่างแท้จริง

กลุ่มไทยเบฟเสริมแกร่งโครงสร้างทางการเงินและการลงทุน

คุณประภากร ทองเทพไพโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุดปฏิบัติการต่างประเทศ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างทางการเงินครั้งสำคัญ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน โดยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทได้ออกหุ้นกู้มูลค่า 38,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ระยะ 3 ปี 5 ปี และ 10 ปี เพื่อรองรับการบริหารหนี้ระยะยาวและเพิ่มเสถียรภาพของกระแสเงินสด ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินการ ไถ่ถอนหุ้นกู้เดิมก่อนกำหนดจำนวน 28,000 ล้านบาท ซึ่งช่วยให้สามารถ ลดภาระอัตราดอกเบี้ยได้รวมกว่า 1,500 ล้านบาท ตลอดอายุหุ้นกู้ใหม่ ขณะเดียวกันได้ปรับโครงสร้างอีก 10,000 ล้านบาท ให้เป็นหุ้นกู้ระยะยาว (extend) เพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงินในระยะสั้นและบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การดำเนินกลยุทธ์ทางการเงินในครั้งนี้ สะท้อนถึงแนวคิด “Financial Discipline & Sustainable Growth” ที่ไทยเบฟยึดมั่นมาโดยตลอด โดยเม็ดเงินที่ได้จากการปรับพอร์ตดังกล่าวจะถูกนำไปใช้สนับสนุน งบลงทุนประจำปี 2569 มูลค่ารวม 9,000 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 4,000 ล้านบาท เบียร์ 2,000 ล้านบาท สุรา 2,000 ล้านบาท และอาหาร 1,000 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง การบริหารเชิงรุกของคุณประภากรจึงถือเป็นจุดแข็งของไทยเบฟในการสร้างสมดุลระหว่าง การลดต้นทุนทางการเงิน การลงทุนเพื่ออนาคต และการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มไทยเบฟคงความแข็งแกร่งทางการเงินและความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มของภูมิภาคอาเซียนได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

กลุ่มธุรกิจสุราไทยเบฟ เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ยกระดับแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก

คุณโสภณ ราชรักษา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจสุรา และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กร เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจสุราของไทยเบฟยังคงเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดสุราในไทยและเมียนมา พร้อมต่อยอดการเติบโตสู่ระดับพรีเมียม ด้วยการเปิดตัว “PRAKAAN” ซิงเกิลมอลต์วิสกี้แบรนด์แรกของไทย ที่ได้รับรางวัลระดับโลก และ “ZATO (ซาโต้)” เครื่องดื่มพร้อมดื่มจากภูมิปัญญาไทย ที่ได้รับเสียงตอบรับดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ควบคู่กับการพัฒนาตราสินค้าหลักอย่าง หงส์ทอง แสงโสม แม่โขง รวงข้าว และเบลนด์ 285 ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ Reach Competitively ที่มุ่งเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทั้งด้านการผลิต การจัดจำหน่าย และการตลาด เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงในทุกช่องทาง

ในตลาดต่างประเทศ ไทยเบฟเดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมสู่เวทีโลก โดยเฉพาะ Caorunn Tom Yum Infused Gin ที่สร้างกระแสความสนใจทั่วโลกด้วยการผสานศิลปะการกลั่นแบบสกอตแลนด์เข้ากับรสชาติความเป็นไทย ขณะเดียวกัน Grand Royal Whisky ยังคงรักษาตำแหน่งแบรนด์วิสกี้อันดับ 1 ในเมียนมา และเปิดตัว Chingu Soju เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่น นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจสุรายังให้ความสำคัญกับ การบริหารต้นทุนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยใช้พลังงานหมุนเวียนจากโซลาร์รูฟและก๊าซชีวภาพ พร้อมดำเนินโครงการจัดการของเสียแบบครบวงจร เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Zero Waste to Landfill สะท้อนวิสัยทัศน์ของไทยเบฟในการสร้าง “สุราไทยสู่สากล” ด้วยนวัตกรรม คุณภาพ และความยั่งยืนในทุกมิติ

กลุ่มธุรกิจเบียร์ไทยเบฟ สร้างการเติบโตต่อเนื่อง ยกระดับ “ช้าง” และ “ซาเบโก้” สู่แบรนด์ผู้นำตลาดอาเซียน

คุณไมเคิล ไชน์ ฮิน ฟา ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเบียร์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบียร์โค ลิมิเต็ด เปิดเผยว่า แม้สภาวะเศรษฐกิจและการบริโภคในตลาดเวียดนามจะชะลอตัว แต่ธุรกิจเบียร์ของไทยเบฟยังคงแสดงศักยภาพเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยในรอบ 9 เดือนปี 2568 มีรายได้จากการขายรวม 96,497 ล้านบาท เพิ่มขึ้นตามปริมาณขายที่ขยายตัว 4.8% ขณะที่อัตรากำไร EBITDA ขยับขึ้นเป็น 13.0% จากประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารต้นทุนวัตถุดิบที่ดีขึ้น สะท้อนการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ที่รอบคอบและมุ่งมั่นขององค์กรในการรักษาเสถียรภาพท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ

กลุ่มธุรกิจเบียร์เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์หลักอย่างต่อเนื่อง ทั้งการ ยกระดับแบรนด์ “ช้าง” ในประเทศไทย ให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความภูมิใจของแบรนด์ไทย และการ เสริมความเป็นผู้นำของ “ซาเบโก้” ในตลาดเวียดนาม ผ่านการบริหารพอร์ตผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเพื่อยกระดับคุณภาพและลดต้นทุน นายไมเคิลย้ำว่า ไทยเบฟให้ความสำคัญกับ “การเติบโตอย่างยั่งยืน” ทั้งในมิติของธุรกิจและสิ่งแวดล้อม โดยใช้แนวทางบริหารจัดการที่สมดุลระหว่างการสร้างกำไรและการสร้างคุณค่า เพื่อวางรากฐานให้ธุรกิจเบียร์เติบโตแข็งแกร่งในตลาดอาเซียนอย่างมั่นคงระยะยาว

กลุ่มธุรกิจเบียร์ในประเทศไทย เดินหน้าขับเคลื่อนแบรนด์ “ช้าง” สู่ความเป็นผู้นำอย่างยั่งยืน

คุณนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเบียร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ไทยเบฟยังคงมุ่งมั่นเสริมความแข็งแกร่งให้กับ “ช้าง” ซึ่งเป็นเบียร์อันดับหนึ่งของประเทศ พร้อมต่อยอดการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่าน กลยุทธ์หลัก 6 ประการ ครอบคลุมตั้งแต่การบริหารพอร์ตผลิตภัณฑ์ การขยายช่องทางจัดจำหน่าย การยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน การพัฒนาศักยภาพบุคลากร การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ไปจนถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์ ภายใต้แนวคิด “สร้างความผูกพันกับผู้บริโภคผ่านนวัตกรรมและประสบการณ์แบรนด์” ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางการบริหารแบบรอบด้านที่เชื่อมโยงการตลาด การผลิต และบุคลากรเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ

ไทยเบฟยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตของ ช้างคลาสสิกและช้างโคลด์บรูว์ ในตลาดเบียร์พรีเมียม พร้อมยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ผ่านแพลตฟอร์มดนตรี กีฬา และไลฟ์สไตล์ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ (Reach Competitively) อีกทั้งยังต่อยอดความสำเร็จจากเวทีโลก โดย ช้างคลาสสิกและช้างเอสเปรสโซ่ลาเกอร์ คว้าเหรียญทองจาก World Beer Championship 2025 และ ช้างโคลด์บรูว์ ได้รางวัลจาก British Bottlers’ Institute Awards 2025 ตอกย้ำมาตรฐานระดับสากลของเบียร์ไทย ขณะเดียวกัน สายธุรกิจเบียร์ยังให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาด การรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ และการพัฒนาบุคลากร เพื่อเสริมขีดความสามารถขององค์กรในระยะยาว และสร้างแบรนด์ “ช้าง” ให้เป็นสัญลักษณ์ของความภูมิใจของคนไทยที่เติบโตอย่างยั่งยืนบนเวทีโลก

กลุ่มธุรกิจเบียร์ ประเทศเวียดนาม เสริมแกร่ง “Bia Saigon” ครองความเป็นผู้นำตลาดด้วยนวัตกรรมและกลยุทธ์ ESG

คุณเลสเตอร์ ตัน เต็ก ชวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซาเบโก้ จำกัด เปิดเผยว่า แม้อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเวียดนามจะเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงและการบริโภคที่ชะลอตัว จากผลกระทบของกฎหมาย Decree 100 และ Decree 168 แต่ซาเบโก้ในเครือไทยเบฟยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดเบียร์อันดับ 1 ของประเทศได้อย่างมั่นคง ภายใต้การบริหารจัดการที่รอบคอบและมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยบริษัทเดินหน้าดำเนิน 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การเสริมแกร่งความเป็นผู้นำตลาด (Strengthen Market Leadership), การขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อการเติบโต (Accelerate Innovation to Drive Growth), การดำเนินงานที่เป็นเลิศ (Operational Excellence), และการยึดมั่นในหลัก ESG เพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงบวก (Drive Positive Impact through ESG Commitments) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวข้ามความท้าทายและสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว

ซาเบโก้ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยเปิดตัว 333 Pilsner, Bia Saigon Chill และ Bia Lac Viet โฉมใหม่ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ รวมถึงจัดตั้ง ศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) สำหรับพัฒนาสูตรและบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะ ขณะเดียวกันได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Saigon Binh Tay Beer Group (Sabibeco) จาก 21.8% เป็น 65.9% เพื่อเสริมศักยภาพการผลิตและขยายตราสินค้า Sagota เข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่วยตอกย้ำความเป็นบริษัทผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม นอกจากนี้ ซาเบโก้ยังยกระดับการดำเนินงานด้าน สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน การบริหารจัดการน้ำอย่างรับผิดชอบ และการส่งเสริมวัฒนธรรม–กีฬาในท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมเวียดนามในระยะยาว

กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ไทยเบฟ เสริมแกร่งแบรนด์หลัก ดันดิจิทัลและสุขภาพขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน

คุณโฆษิต สุขสิงห์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุดปฏิบัติการประเทศไทย ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานดิจิทัลและเทคโนโลยี เปิดเผยว่า แม้ภาวะตลาดเครื่องดื่มจะชะลอตัว แต่กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยเบฟยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมั่นคง โดยมุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์หลัก ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม การผนวกรวมธุรกิจของ F&N เข้ามาในกลุ่มยังช่วยยกระดับศักยภาพในห่วงโซ่การผลิตและช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ภายใต้ 4 กลยุทธ์หลัก คือ Strengthen Core Brands, Reach Competitively, Digital for Growth, และ Sustainable Growth เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจควบคู่กับการเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ

ไทยเบฟยังคงต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ชั้นนำอย่าง โออิชิ กรีนที, คริสตัล และเอส ผ่านแคมเปญที่สร้างแรงบันดาลใจและเชื่อมโยงกับผู้บริโภครุ่นใหม่ เช่น “เอส โคล่า เงยหน้าไปด้วยกัน” และ “คริสตัล เซฟพื้นที่สีฟ้า” ขณะเดียวกันยังเดินหน้าพัฒนาเครื่องดื่มสุขภาพอย่าง NutriWell และ Magnolia HERSHEY’s เพื่อขยายฐานผู้บริโภคกลุ่มสุขภาพ กลุ่มยังใช้ดิจิทัลเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การขยายช่องทางอีคอมเมิร์ซอย่าง Sermsuk Click และการเพิ่มจุดขายกว่า 600,000 จุดทั่วประเทศ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ไทยเบฟยังคงยึดมั่นในแนวทางความยั่งยืน ด้วยการลดการใช้พลังงานและน้ำตาลในผลิตภัณฑ์ พร้อมติดตั้งโซลาร์รูฟในโรงงานต่าง ๆ เพื่อก้าวสู่การเติบโตที่มั่นคงทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

กลุ่มธุรกิจอาหารไทยเบฟ เดินหน้ากลยุทธ์สมดุล ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยคุณภาพ–นวัตกรรม–ความยั่งยืน

คุณไพศาล อ่าวสถาพร ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร ประเทศไทย เปิดเผยว่า ไทยเบฟยังคงขับเคลื่อนธุรกิจอาหารอย่างมั่นคง แม้เผชิญสภาวะตลาดที่ท้าทาย ด้วยรายได้ 9 เดือน ปี 2568 อยู่ที่ 16,563 ล้านบาท โดยเน้นกลยุทธ์บริหารเชิงสมดุลระหว่างการขยายสาขาใหม่ การสร้างยอดขายในสาขาเดิม และการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อส่งมอบประสบการณ์รับประทานอาหารที่ดีที่สุดให้ลูกค้า พร้อมสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนแก่พนักงานและสังคม การดำเนินงานทั้งหมดอยู่ภายใต้แนวคิด “การเติบโตอย่างมีคุณภาพ” ที่เน้นทั้งการสร้างสรรค์เมนูใหม่ การขยายทำเลยุทธศาสตร์ และการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจอาหารในระยะยาว

กลุ่มธุรกิจอาหารขับเคลื่อนองค์กรผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การขยายสาขาใหม่ (New Store Expansion), การขับเคลื่อนยอดขายอย่างแท้จริง (Driving Organic Growth), การเสริมแกร่งพื้นฐานธุรกิจ (Strengthen Business Fundamentals), และการพัฒนาความยั่งยืน (Embracing Sustainability) โดยเน้นเพิ่มจุดให้บริการในทำเลสำคัญ พัฒนารูปแบบร้านให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ตัวอย่างเช่น ชาบูชิ ที่รีแบรนด์ครั้งใหญ่เพื่อยกระดับคุณภาพและประสบการณ์การรับประทานอาหาร ไทยเบฟยังลงทุนในเทคโนโลยี เช่น Digital Dashboard และ Labor Matrix System เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน พร้อมพัฒนาบุคลากรให้สามารถทำงานข้ามแบรนด์ได้อย่างยืดหยุ่น ขณะเดียวกันยังขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างยั่งยืนผ่านโครงการจัดการขยะอาหารและความร่วมมือกับชุมชน สะท้อนวิสัยทัศน์ของไทยเบฟในการสร้างการเติบโตที่สมดุลทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

กลุ่มงานความยั่งยืนไทยเบฟ ขับเคลื่อนองค์กรสู่ Net Zero ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียงและกลยุทธ์การเติบโตอย่างมีคุณค่า

คุณต้องใจ ธนะชานันท์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานความยั่งยืนและกลยุทธ์ เปิดเผยว่า ไทยเบฟยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจบนรากฐานแห่งความยั่งยืน โดยน้อมนำพระราชดำรัส “สืบสาน รักษา และต่อยอด เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการบริหารองค์กร เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้เป้าหมาย “Enabling Sustainable Growth” ไทยเบฟมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 โดยดำเนินกลยุทธ์ ESG อย่างรอบด้าน ทั้งการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนกว่า 42.6% ลดการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตได้ 5.33% และรีไซเคิลขวดแก้วได้ถึง 97% ของยอดจำหน่าย ตอกย้ำความสำเร็จขององค์กรที่ขับเคลื่อน “ความยั่งยืนเชิงกลยุทธ์” อย่างแท้จริง

ไทยเบฟยังขยายผลแนวทางความยั่งยืนสู่การปฏิบัติจริงทั่วภูมิภาค ผ่านโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เป็นรูปธรรม เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ใน 49 แห่งทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โรงงานผลิตก๊าซชีวภาพในจังหวัดราชบุรี และโครงการจัดการน้ำเพื่อชุมชนตามแนวพระราชดำริที่เชียงดาวและภาคเหนือ ซึ่งสามารถกักเก็บน้ำกว่า 200,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ขณะเดียวกันยังยกระดับการจัดการบรรจุภัณฑ์แบบหมุนเวียนในแบรนด์ โออิชิ คริสตัล และเอส เพื่อช่วยลดขยะพลาสติกและส่งเสริมการรีไซเคิล นอกจากนี้ ไทยเบฟยังได้รับการยอมรับในระดับโลก ทั้งจากรางวัล Best Sustainability-Linked Loan – Beverage จาก The Asset Triple A Sustainable Finance Awards 2025 และการได้รับเลือกเป็นสมาชิก DJSI World ต่อเนื่อง 8 ปีซ้อน สะท้อนความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของไทยเบฟที่เติบโตด้วย “ความรับผิดชอบ คุณค่า และความสมดุล” อย่างแท้จริง

กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลไทยเบฟ ขับเคลื่อนองค์กรด้วยคนเก่งคนดี เสริมศักยภาพสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้ PASSION 2030

คุณโสภณ ราชรักษา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจสุรา และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กร เปิดเผยว่า ไทยเบฟมุ่งมั่นเป็นองค์กรต้นแบบด้านการบริหารคนในระดับอาเซียน ด้วยแนวคิด “Holistic People Development” ที่พัฒนาและต่อยอดศักยภาพบุคลากรอย่างรอบด้าน ทั้งการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง การฝึกอบรม และการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก โดยใช้แผนการพัฒนารายบุคคล (IDP) เพื่อให้เส้นทางอาชีพของพนักงานสอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจไทยเบฟในระยะยาว กลยุทธ์ดังกล่าวสะท้อนแนวคิด “เติบโตไปด้วยกัน” ที่ไทยเบฟเชื่อว่า เมื่อพนักงานมีความพึงพอใจและเห็นเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจน องค์กรย่อมแข็งแกร่งและพร้อมแข่งขันในทุกยุคสมัย

ไทยเบฟยังคงยกระดับศักยภาพบุคลากรควบคู่กับการพัฒนาผู้นำในทุกระดับ เพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้เป้าหมาย PASSION 2030 ที่มุ่งพัฒนาทักษะใหม่ (New Skills) ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ธุรกิจทั้งด้าน Reach Competitively และ Digital for Growth กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลยังใช้ข้อมูลเชิงลึกจาก Employee Engagement Survey เพื่อยกระดับประสบการณ์พนักงาน ส่งผลให้ปี 2567 ไทยเบฟทำคะแนนความผูกพันพนักงานสูงถึง 86% เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตอกย้ำความสำเร็จของการบริหารคนแบบยั่งยืนที่มุ่งให้พนักงาน “เรียนรู้ เติบโต และประสบความสำเร็จ” พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นหนึ่งใน “Best Employers in ASEAN” อย่างเต็มภาคภูมิ

You may also like

The-Perspective แหล่งรวมองค์ความรู้ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ เกาะติดข่าวสารคาดการณ์อนาคต

Tel:  081-619-9494
Email:
editor@the-perspective.co
naiyanaone@gmail.com

Total Visit:

321,266

321,266

Editors' Picks

Latest Posts

The-Perspective © All Right Reserved.

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเก็บข้อมูลและรวบรวมสถิติวิจัยทางด้านการตลาด การวิเคราะห์แนวโน้ม ตลอดจนนำมาปรับปรุง และควบคุมการทำงานของเว็บไซต์ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอม ท่านยังสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้ปกติ ยอมรับทั้งหมด