เมื่อ AI ไม่ได้แค่ “ช่วยคิด” แต่ “สร้างสรรค์” ผลงานได้เองแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ด แต่งเพลง หรือวาดภาพ เราก็กำลังเดินเข้าสู่แดนสนธยาอันคลุมเครือของกฎหมายลิขสิทธิ์และสิทธิบัตร
AI สร้างผลงานได้ แต่ใครคือเจ้าของ? 🤖
ประเด็นนี้กลายเป็นข้อถกเถียงระดับสากลในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เพราะกฎหมายดั้งเดิมที่มีมานานยังตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าผลงานสร้างสรรค์จะต้องเกิดจาก “มนุษย์” เท่านั้น แล้วในวันที่ AI อย่าง ChatGPT, DALL·E หรือ MusicLM กำลังสร้างผลงานคุณภาพในระดับที่แทบจะแยกไม่ออกว่าเกิดจากคนหรือเครื่อง กฎหมายควรทำอย่างไร?
แนวปฏิบัติปัจจุบันในด้านสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์
- สิทธิบัตร (Patent) – โดยทั่วไประบบกฎหมายในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา หรืออังกฤษ กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า “ผู้ประดิษฐ์” ที่สามารถจดสิทธิบัตรได้จะต้องเป็นบุคคลที่มีตัวตนทางกฎหมาย กล่าวคือ “มนุษย์” เท่านั้น
- ลิขสิทธิ์ (Copyright) – คล้ายกันกับสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ในหลายประเทศจะคุ้มครองเฉพาะผลงานที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ไม่รวมถึงงานที่สร้างโดยเครื่องจักรหรือ AI เต็มรูปแบบ
แต่ในโลกความเป็นจริง มนุษย์กับ AI มักทำงานร่วมกัน แล้วเราจะจัดการกับสิทธิในงานสร้างสรรค์พวกนี้อย่างไร?
สามกรณีหลักที่คุณควรรู้
- มนุษย์ใช้ AI เป็นเครื่องมือ: ถ้าคุณเป็นคนป้อนคำสั่ง (prompt) ให้อย่างสร้างสรรค์ มีความตั้งใจและควบคุมกระบวนการ คุณอาจเป็นผู้ถือสิทธิ์ในผลงานนั้นได้ เช่น ใส่รายละเอียดอย่างเฉพาะเจาะจงในโค้ดเพลง หรือภาพวาดที่ได้จาก AI
- AI คิดและสร้างเองโดยสมบูรณ์: หาก AI ทำงานโดยไม่มีการชี้นำใดๆ นี่คือกรณีที่กฎหมายยังไม่มีคำตอบชัดเจนที่สุด ผลงานแบบนี้อาจ “ไม่มีเจ้าของลิขสิทธิ์” ทำให้ทุกคนสามารถนำไปใช้งานต่อได้อย่างเสรี (ในบางประเทศ)
- ผลงานร่วมระหว่างคนกับ AI: เป็นกรณีที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในยุคนี้ การพิจารณาสิทธิขึ้นอยู่กับบทบาทของมนุษย์ในกระบวนการสร้างสรรค์ และนี่คือปมสำคัญที่กำลังเป็นเครื่องทดสอบกฎหมายทั่วโลก
นักกฎหมายก็ยังคิดไม่ตรงกัน
ในหลายประเทศมีการถกเถียงกันว่าควรปรับกฎหมายให้ AI เป็นเจ้าของผลงานได้หรือไม่? คำตอบยังก้ำกึ่ง เพราะหากเปิดทางให้ AI ถือสิทธิ์ได้ ก็เท่ากับเรายอมรับว่าเครื่องจักรมีสิทธิตามกฎหมาย ซึ่งอาจนำไปสู่ผลกระทบทางจริยธรรม กฎหมาย และเศรษฐกิจอีกมากมาย
แล้วในทางปฏิบัติ ธุรกิจควรทำอย่างไร?
- กำหนดนโยบายภายใน: ให้ชัดเจนว่าใครเป็นเจ้าของผลงานที่มี AI มีส่วนร่วม
- จัดเก็บหลักฐานการมีส่วนร่วมของมนุษย์: เช่น prompts, concept หรือแนวคิดที่นำเสนอให้ AI ทำงานต่อ
- ทำความเข้าใจขอบเขตกฎหมายในแต่ละประเทศที่ทำธุรกิจ: เพราะข้อกฎหมายยังต่างกันอย่างมาก
โลกกฎหมายยังไม่มีคำตอบเดียวสำหรับ AI และการถือครองสิทธิในผลงานสร้างสรรค์ แต่การติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด และปรับแนวปฏิบัติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ คือกุญแจสำคัญในการเดินหน้าสู่อนาคตอย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ
สรุปสั้นๆ: ถ้า AI คิดเอง ทำเองโดยไม่มีคนสั่ง หนทางสู่ “สิทธิบัตร” หรือ “ลิขสิทธิ์” อาจยังไม่เปิด แต่หากมนุษย์มีบทบาทสำคัญในกระบวนการ คุณอาจยังถือสิทธิในผลงานนั้นได้
ดังนั้น เมื่อคุณใช้ AI เป็นผู้ช่วยสร้างสรรค์ผลงาน อย่าลืมจดบันทึกการมีส่วนร่วมของคุณไว้ให้ชัด เพื่อไม่ให้การสร้างสรรค์ของคุณตกเป็น “ของไม่มีเจ้าของ” ไปซะก่อน