บทความโดย รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอุบัติใหม่ (Thought Leader in Emerging Technologies)
ด้วยความสามารถวางแผนและทำงานแทนคนได้ AI Agent กลายเป็นตัวแทนสำคัญที่คุกคามตำแหน่งงานเดิม อาจกระทบตลาดแรงงานไทยอย่างหนัก
ทุกวันนี้ผมน่าจะเป็นคนหนึ่งที่ใช้ AI Agent ทำงานแทนเป็นประจำ ทุกเช้าผมจะใช้ Agent ใน ChatGPT มาทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัว เพื่อสรุปอีเมล หรือสอบถามนัดหมายต่างๆ พร้อมทั้งถามเพิ่มเติมให้ค้นหาอีเมลหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงานต่างๆ รวมถึงอาจสอบถาม AI Agent ให้ทำนัดหมายต่างๆ ในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้เองโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ผมยังใช้ในการทำงานที่ซับซ้อนขึ้นเช่น เมื่อวันก่อนมีความจำเป็นต้องค้นข้อมูลและทำสไลด์นำเสนอ ซึ่งที่ผ่านมาต้องลงมือทำเองและใช้เวลานานหลายชั่วโมงทั้งค้นข้อมูลหาเอกสารที่เกี่ยวข้องและลงมือทำสไลด์ แต่วันนี้ผมสามารถใช้ AI Agent อย่าง Minimax AI ทำงานนี้ โดยทันทีผมตื่นขึ้นมา ผมสั่งงานเขาด้วยคำสั่ง Prompt เดียว แล้วก็ไปทำธุระส่วนตัว ทั้งอาบน้ำ ทานอาหารเช้าหรือนั่งดูข่าวทีวี
AI Agent ลงมือทำงานเหล่านี้เองโดยผมไม่ต้องสั่งงานอะไรเพิ่มเติม เขาทั้งทำการค้นคว้าหาข้อมูล สรุปเนื้อหาต่างๆ ลงมือทำสไลด์ เขียนข้อความ ค้นหาภาพประกอบ หรือแม้แต่สร้างกราฟหรือรูปภาพเอง จากนั้นก็ส่งออกมาเป็นไฟล์นำเสนอให้เรา โดยใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการทำงานชิ้นนี้ ก่อนผมออกจากบ้าน Minimax AI ก็ทำงานนี้เสร็จพอดี ซึ่งงานออกมาได้ดีมาก และน่าจะเก่งกว่าคนจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กที่เพิ่งจบใหม่มาทำงาน
ผมยังใช้ AI Agent ทำงานอีกหลายอย่าง เช่น การให้ Manus AI ทำหน้าที่เป็นวิศวกรข้อมูลตรวจสอบคุณภาพและปรับปรุงข้อมูล ซึ่งไม่เพียงแต่เขียนโค้ดแต่ยังสามารถเขียนรายงานสรุปการทำงานทั้งหมดให้ด้วย นอกจากนี้ที่ผมทำบ่อย คือการใช้ AI Agent ของ Gemini Deep Research หรือ Perplexity Deep Research เป็นนักวิเคราะห์การตลาดหรือนักวิจัยในการค้นหาข้อมูลต่างๆ และทำรายงานออกมา ซึ่งทำงานได้ดีเสมือนเราใช้ทีมงานวิจัยหลายคนมาทำงานนี้ และเทำงานได้เร็วมากโดยเสร็จภายใน 30 นาที
แม้แต่เรื่องส่วนตัวบางครั้งผมก็เรียกใช้ AI Agent เช่น วันก่อนผมต้องการหาซื้อขาตั้งทีวีรุ่นเก่า เมื่อโทรไปหาคอลเซ็นเตอร์ของห้างเครื่องใช้ไฟฟ้าดังแห่งหนึ่ง ผมกลับได้รับคำตอบว่าไม่มีขาย ต้องติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตโดยตรง ผมจึงตัดสินใจ ใช้ ChatGPT Agent ค้นหาข้อมูล โดยทำหน้าที่ใช้คอมพิวเตอร์แทนผม เหมือนผมทำการค้นหาข้อมูล เปิดเว็บไซต์ต่างๆ และสอบถามข้อมูลให้เรา โดยใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วก็ได้คำตอบว่า ขาตั้งทีวีรุ่นนี้ไม่มีขายแล้ว และแนะนำขาตั้งแบบอื่นทดแทน พร้อมทั้งส่งลิงก์ในการสั่งซื้อมา สุดท้ายผมก็กดลิงก์นั้นสั่งของมาส่งถึงบ้านได้เรียบร้อย
Agentic AI หรือ AI Agent เป็นวิวัฒนาการอีกขั้นที่น่าจับตา ทั้งนี้ Generative AI อย่าง ChatGPT ที่เราคุ้นเคยกันดีนั้นเปรียบเสมือน ChatBot อัจฉริยะที่สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ หรือแม้แต่โค้ดโปรแกรม โดยอาศัยข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไปเป็นหลัก มันทำหน้าที่ตอบสนองต่อคำสั่งของผู้ใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังคงขาดความสามารถในการริเริ่มหรือดำเนินการด้วยตัวเอง
แต่สำหรับ Agentic AI นั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง AI Agent ไม่ได้เป็นเพียงผู้สร้างสรรค์เนื้อหาเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ วางแผน ตัดสินใจ และลงมือทำเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ซับซ้อนได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน เขาสามารถเรียนรู้ ปรับตัว และทำงานร่วมกับเครื่องมือต่างๆ ได้เสมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่มีความอิสระและชาญฉลาด นี่คือก้าวสำคัญที่ทำให้ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือที่ตอบสนอง แต่เป็น ‘ตัวแทน’ ที่สามารถปฏิบัติภารกิจแทนเราได้จริง
ปัจจุบัน AI Agent กำลังเป็นเทรนด์สำคัญที่พัฒนาไปในหลายทิศทาง ดังที่เห็นได้จากแนวโน้มล่าสุดของ Agent หลายอย่าง ดังเช่น
- DeepResearch Agent (เอเจนต์วิจัยเชิงลึก): เป็น AI Agent ที่ออกแบบมาเพื่อทำการวิจัยและรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากแหล่งต่างๆ เพื่อสร้างรายงานที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถือ พวกเขาสามารถอ่าน วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์ตลาด หรือการจัดทำรายงานทางธุรกิจ
- CUA (Computer Using Agents) (เอเจนต์ใช้งานคอมพิวเตอร์): คือ AI Agent ที่สามารถโต้ตอบและใช้งานคอมพิวเตอร์ได้เหมือนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโปรแกรม คลิกเมาส์ พิมพ์ข้อความ หรือกรอกแบบฟอร์ม ทำให้สามารถทำงานอัตโนมัติที่ซับซ้อนบนคอมพิวเตอร์ได้ เช่น การจัดการเอกสาร การป้อนข้อมูลเข้าระบบ หรือการทดสอบซอฟต์แวร์
- Coding Agents (เอเจนต์เขียนโค้ด): เป็น AI Agent ที่ช่วยในการสร้างและแก้ไขโค้ดโปรแกรม ทำให้กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์รวดเร็วขึ้นถึงสิบเท่า พวกเขาสามารถช่วยเขียนโค้ด ตรวจสอบข้อผิดพลาด และแม้กระทั่งแนะนำแนวทางการแก้ไข ทำให้โปรแกรมเมอร์สามารถโฟกัสกับงานที่ซับซ้อนมากขึ้นได้
- Voice Agents (เอเจนต์เสียง): คือ AI ที่โต้ตอบกับผู้ใช้ผ่านภาษาพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ ตัวอย่างที่เราคุ้นเคยกันดีคือ Siri, Google Assistant หรือ Alexa ที่ช่วยเราค้นหาข้อมูล ตั้งปลุก หรือควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยเสียง เทคโนโลยีนี้ยังถูกนำไปใช้ในระบบตอบรับอัตโนมัติของคอลเซ็นเตอร์ เพื่อช่วยลดภาระพนักงานและให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- Agentic RAG (Retrieval-Augmented Generation): เป็น AI Agent ที่มีความสามารถในการดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์มาใช้ในการให้เหตุผลและสร้างคำตอบ ทำให้ AI สามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันมากขึ้น ไม่ใช่แค่ตอบจากข้อมูลที่ถูกฝึกมาเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เครื่องมือค้นหาอัจฉริยะอย่าง Perplexity AI ที่สามารถสรุปข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และตอบคำถามที่ซับซ้อนได้ทันที
การมาถึงของ AI Agent เหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของการทำงานอย่างมหาศาล ในบางแง่มุม AI Agent อาจเข้ามาแทนที่งานที่ซ้ำซ้อน หรืองานที่ต้องใช้การประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก เช่น งานธุรการ งานบริการลูกค้าเบื้องต้น งานเขียนโปรแกรมเบื้องต้น หรืองานวิเคราะห์ข้อมูลบางประเภท
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เห็นแนวโน้มการลดคนทำงานในหลายอาชีพ เพราะสามารถนำ AI Agent มาทำงานแทนที่ได้ แม้แต่ตำแหน่งนักพัฒนาโปรแกรมที่ไม่กี่ปีก่อนเราเคยบอกว่าเป็นงานที่ดีและมั่นคง แต่ในปัจจุบัน AI สามารถทำงานด้านนี้ได้ดี เราจึงเริ่มเห็นข่าวบริษัทเทคโนโลยีให้เลิกจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์บางส่วน เช่น สัปดาห์นี้ บริษัท Cisco เพิ่งประกาศลดพนักงานด้านนี้เป็นจำนวนมาก หรือสื่ออย่าง BBC ก็ออกมาระบุว่า บัณฑิตสาขาวิทยากรคอมพิวเตอร์ในสหราชอาณาจักรกำลังมีปัญหาในการหางาน
ความสามารถของ AI Agent ที่เก่งขึ้นเรื่อยๆ กำลังทำให้คนสองกลุ่มมีความเสี่ยงสูงที่จะตกงานในอนาคตคือ กลุ่มบัณฑิตจบใหม่ที่อาจเข้าตลาดแรงงานไม่ได้ จนเกิดปัญหารุ่นคนที่สูญหาย (Lost generation) คนเหล่านี้ต้องสร้างทักษะใหม่ๆ ให้ดี ต้องมีทักษะด้าน Softskill ในสิ่งที่ AI ยังไม่สามารถทำได้ดีเท่ามนุษย์ และต้องเปลี่ยนทัศนคติในการเรียนและค่านิยมที่จะยึดกับโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยดังๆ ตามกระแส
กลุ่มที่สองคือ คนวัยทำงานวัยกลางคน ที่เงินเดือนเริ่มสูงขึ้น ปรับตัวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของ AI คนเหล่านี้ต้องเริ่มรีบปรับทักษะของตัวเอง แต่ก็ไม่แน่ว่างานใหม่ที่ AI จะสร้างขึ้นมาหรือปรับวิธีการคนทำงานแบบใหม่ จะเพิ่มขึ้นมาแทนคนที่อาจต้องออกไปจากตลาดงานได้ทันหรือไม่ คนเหล่านี้จำนวนมากจึงยังอาจตกงาน
สุดท้ายคนตกงานทั้งสองกลุ่มในไม่กี่ปีข้างหน้าอาจถึงล้านคน เพราะจะพบกับปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ในขณะที่สังคมไทยอาจเกิดวิกฤติครั้งใหญ่เร็วๆ นี้ ที่น่าห่วงคือรัฐบาลยังประเมินผลกระทบที่จะเกิดจากเรื่องนี้ต่ำไปครับ