การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์นับวันยิ่งมีความจำเป็นอย่างขาดไม่ได้ เหตุผลคือ ภัยไซเบอร์ในปัจจุบันถูกพัฒนาให้ฉลาดขึ้น อีกทั้งยังมีการโจมตีมากขึ้นเป็นทบเท่า ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องตระหนักถึงการปกป้องเพื่อลดความเสี่ยง
ชาญวิทย์ อิทธิวัฒนะ ผู้จัดการสาขาประจำประเทศไทย บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า การตระหนักถึงความเสี่ยงด้านภัยไซเบอร์เป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งยวด ตลอดเวลา 30 ปีของการพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาต่อเนื่อง เมื่อมาถึงยุค AI เช็คพอยท์ก็ได้นำ AI ผนวกเข้าไปเป็นเอนจิ้นในผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แข็งแกร่งขึ้น ปัจจุบันสินค้าของเช็คพอยท์ส่วนใหญ่เป็น AI Base โดยมี AI ราว 50 ใน 90 เอนจิ้น ซึ่งนี่คือทางเลือกหนึ่งขององค์กรที่จะช่วยเสริมความปลอดภัย
สำหรับโอกาสทางการตลาดในประเทศไทย นับจากปีที่ผ่านมา (ค.ศ. 2023) เช็คพอยท์เล็งเห็นศักยภาพในตลาดต่างๆ ทั้งตลาดภาครัฐและการทหาร โทรคมนาคม อุตสาหกรรมการผลิต ที่จะสามารถขยายได้อีกมากจากเดิมที่โฟกัสเฉพาะกลุ่มการเงินและธนาคาร ทั้งนี้มีเป้าหมายว่า จะครองตำแหน่งผู้นำอันดับสองของตลาดในประเทศไทยในเชิงของรายได้ ในอีก 2 ปีนับจากนี้
ผลสำรวจภัยไซเบอร์พบ “ไทยสูงเกินค่าเฉลี่ย”
ด้านความจำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เช็คพอยท์มีข้อมูลที่แสดงถึงสิ่งที่น่าตกใจ โดยมีการรวบรวมข้อมูลซึ่งพบว่า ในช่วงกรกฎาคม – ธันวาคม ปี 2566 องค์กรในประเทศไทยถูกโจมตีทางไซเบอร์มากถึง 1,892 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงอย่างน่าตกใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ระดับ 1,040 ครั้ง
ข้อมูลดังกล่าวได้มาจาก Threat Intelligence Report ล่าสุดของบริษัท เช็ค พอยท์ ซึ่งในรายงานได้พบว่า มัลแวร์แบบคริปโตไมเนอร์ (Cryptominer) และบอตเน็ต (Botnet) เป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นแพร่หลายมากที่สุดในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการโจมตีแบบฟิชชิ่ง (Phishing) การหลอกลวงรูปแบบต่างๆ และการปล้นทรัพยากร (Resource Hijacking)
นอกจากนี้ยังพบว่าการโจมตีเกิดขึ้นสูงสุดกับหน่วยงานภาครัฐ/ทหาร อุตสาหกรรมการผลิต และการเงิน/การธนาคาร ซึ่งมีการโจมตีมากถึง 5,789 ครั้งในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงกำลังมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น โดยการโจมตีอาจมุ่งเน้นไปที่การขโมยข้อมูลสำคัญ การรบกวนการทำงานของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ (CII) การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของ IoT รวมถึงการหลอกดูดเงินเป็นจำนวนมหาศาล และอื่นๆ อีกมากมาย
ชาญวิทย์ อิทธิวัฒนะ ผู้จัดการสาขาประจำประเทศไทย บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า การโจมตีด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขี้น และปริมาณการโจมตีกำลังทวีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี ด้วยเหตุนี้ องค์กรต่างๆ จะต้องมีแพลตฟอร์มแบบบูรณาการที่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างครอบคลุมเพื่อยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในประเทศไทย
เช็คพอยท์ ได้เปิดตัวโซลูชันใหม่สำหรับปี 2567 ในรูปของแพลตฟอร์มการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แท้จริงซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และคลาวด์ เพื่อป้องกันระบบศูนย์ข้อมูล ระบบเครื่อข่าย ระบบคลาวด์ อุปกรณ์ปลายทาง อุปกรณ์เคลื่อนที่ และ IoT ได้อย่างครอบคลุม
แนวทางการพัฒนาของเช็คพอยท์อยู่ภายใต้ “หลักการ 3C เพื่อการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด” อันได้แก่ ความครอบคลุมรอบด้าน (Comprehensive coverage) สถาปัตยกรรมแบบรวมศูนย์ (Consolidated architecture) และการใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกัน (Collaboration) ที่แท้จริง เพื่อนำเสนอโซลูชันการป้องกันภัยคุกคามที่ดีที่สุดเพื่อหยุดการโจมตีที่เกิดจากการผสมผสานหลายเทคนิคเข้าด้วยกัน (Multi-vector Attack) ได้อย่างเห็นผล
ทั้งนี้ เช็คพอยท์ ขอแนะนำโซลูชันที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาใหม่ของบริษัท ได้แก่
- แพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และพร้อมให้บริการผ่านระบบคลาวด์: โซลูชันการรักษาความปลอดภัยที่พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยี Generative AI ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ของบริษัท เช็ค พอยท์ ภายใต้ชื่อ Check Point Infinity AI Copilot พร้อมเข้ามาเสริมประสิทธิภาพให้กับทีมรักษาความปลอดภัยที่ทรงพลังขององค์กรโดยเฉพาะ โซลูชันนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถรักษาความปลอดภัยได้ในรูปแบบอัตโนมัติโดยใช้เทคโนโลยี AI
นอกจากนี้ยังเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ ThreatCloudAI ของบริษัท เช็คพอยท์ พร้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI มากกว่า 50 รายการ โดยเป็นการทำงานในรูปแบบอัตโนมัติและการทำงานร่วมกันอย่างอัจฉริยะเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและการบริหารจัดการความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว
สิ่งนี้ช่วยให้องค์กรลดเวลาที่ต้องใช้ไปกับงานด้านการรักษาความปลอดภัย รวมถึงการสร้างนโยบาย การนำไปใช้ และการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระบบ นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนานโยบายความปลอดภัยที่เหมาะสมที่สุดและการควบคุมการป้องกันภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งโซลูชันนี้สามารถป้องกันการโจมตีที่ไม่รู้จักได้ถึง 99.8% ทำให้เป็นแพลตฟอร์มการจัดการความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในปัจจุบัน
นอกจากนี้ AI Copilot ยังสามารถฝึกอบรมผู้ใช้ให้สามารถป้องกันเทคนิคล่าสุดของแฮ็กเกอร์ รวมถึงฟิชชิ่งและแรนซัมแวร์ ตลอดจนสามารถจัดการความเสี่ยงและตอบสนองต่อเหตุการณ์โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ในการค้นหาภัยคุกคาม การวิเคราะห์ และการแก้ไข - Check Point Quantum Spark 1900 และ 2000 ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในกลุ่มไฟร์วอลล์เจเนอเรชันถัดไปสำหรับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMB) เกตเวย์ความปลอดภัยขั้นสูงเหล่านี้ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมมาโดยเฉพาะเพื่อปกป้ององค์กรธุรกิจขนากกลางและเล็ก (SMB) จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เกตเวย์การรักษาความปลอดภัย Quantum Spark โฉมใหม่นำเสนอการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายประสิทธิภาพสูงในวงกว้าง พร้อมทั้งจัดเตรียมบริการแบบพร้อมใช้โดยไม่ต้องดำเนินการใดๆ (Zero-Touch) ซึ่งครอบคลุมถึงการจัดการระบบคลาวด์ขั้นสูงและความสามารถในการจัดการภัยคุกคามแบบอัตโนมัติ จึงเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางเป็นพิเศษ
- Business Partner Program ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มีแนวทางที่สอดคล้องกับแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมของบริษัท เช็ค พอยท์ โดยมุ่งเน้นไปที่การรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI แบบครอบคลุมทั้งระบบและพร้อมให้บริการผ่านระบบคลาวด์โดยตรง โปรแกรมนี้จะช่วยให้พันธมิตรทางธุรกิจสามารถดำเนินการเพิ่มยอดขายพ่วงและยอดขายต่อยอดสำหรับโซลูชันความปลอดภัยขั้นสูงจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมของบริษัท เช็คพอยท์ ซึ่งรวมถึงการโจมตีหลากหลายรูปแบบ ตลอดจนสามารถตอบสนองความต้องการต่างๆ อาทิเช่น SASE, ความปลอดภัยด้านอีเมล, สภาพแวดล้อมระบบคลาวด์, เครือข่าย SD-WAN และความปลอดภัยบนมือถือ
ชาญวิทย์ กล่าวเสริมว่า “การทำงานร่วมกันอย่างแท้จริงภายในกลุ่มผลิตภัณฑ์การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วทั้งธุรกิจ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากผู้จำหน่ายรายอื่นๆ จะมอบแนวทางการป้องกัน ภัยคุกคามที่ดีที่สุดและเป็นวิธีเดียวที่จะช่วงชิงความได้เปรียบเหนือผู้โจมตี ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า กลยุทธ์แพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และระบบคลาวด์โฉมใหม่ของบริษัท เช็ค พอยท์ รวมถึงข้อเสนอเพิ่มเติมต่างๆ ได้ผสานรวมเข้ากับเทคโนโลยี AI เพื่อช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาความปลอดภัยองค์กรของตนได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งสามารถปกป้องทรัพย์สินขององค์กรจากภัยคุกคามที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลาได้ในปัจจุบัน”