Figma บริษัทด้านการออกแบบดิจิทัลเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่หลากหลายรายการ ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี AI โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยนักออกแบบ นักพัฒนา และนักการตลาดในการสร้างเว็บไซต์ แอปต้นแบบ และคอนเทนต์การตลาดได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยการอัปเกรดครั้งนี้ถือเป็นการท้าชนแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Canva และ Adobe รวมถึงผู้ให้บริการสร้างเว็บไซต์ด้วย AI อย่าง WordPress, Wix และ Replit
🔧 เครื่องมือใหม่ที่เปิดตัวในครั้งนี้ประกอบด้วย:
1. Figma Sites: เครื่องมือสร้างเว็บไซต์จาก AI
Figma Sites คือเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ออกแบบสามารถเปลี่ยนงานออกแบบใน Figma ให้กลายเป็นเว็บไซต์จริงได้ทันที พร้อมระบบ Content Management System (CMS) สำหรับการจัดการเนื้อหา บล็อก รูปตัวอย่าง และ slug ต่างๆ
- ใช้ AI สร้างโครงสร้างเว็บพร้อมเผยแพร่ได้ทันที
- ผู้ใช้งานสามารถแก้ไของค์ประกอบต่าง ๆ ได้ผ่าน editor โดยไม่ต้องเริ่มคำสั่งใหม่
- รองรับเอฟเฟกต์ responsive, animation และ scroll
- สร้างโพสต์บล็อกได้โดยตรงจาก CMS ภายในแพลตฟอร์ม
- รองรับการฝังโค้ดแบบ custom หรือใช้ AI สร้างโค้ดให้อัตโนมัติ
2. Figma Make: เครื่องมือสร้างต้นแบบ (prototype) ด้วย AI
Figma Make เน้นการสร้างแอปต้นแบบจาก prompt ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป
- สร้างแอปแรกเริ่มจากข้อมูลที่กำหนด
- แก้ไขหรือสั่งเพิ่มฟีเจอร์ด้วยผู้ช่วย AI
- ผู้พัฒนาสามารถเข้าไปแก้ไขโค้ดได้โดยตรง
- ฝัง elements แบบอินเทอร์แอกทีฟ เช่นนาฬิกา ลงในหน้าเว็บไซต์ที่สร้างผ่าน Figma Sites ได้
Yuhki Yamashita ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Figma กล่าวถึงความแตกต่างของเครื่องมือทั้งสองว่า Figma Make เหมาะกับการสร้างแนวคิดและสำรวจความเป็นไปได้ ส่วน Figma Sites เหมาะกับทีมที่มีภาพเว็บไซต์ในใจชัดเจนและต้องการควบคุมได้เต็มที่
3. Figma Buzz: เครื่องมือการตลาดแบบครบวงจร
เครื่องมือสำหรับนักการตลาดที่ช่วยให้:
- ใช้เทมเพลตที่นักออกแบบสร้างไว้นำไปพลิกแพลงต่อได้ทันที
- สร้างภาพจาก AI และเปลี่ยนพื้นหลังอัตโนมัติ
- สร้างคอนเทนต์จำนวนมากจากข้อมูลในสเปรดชีต เช่น ภาพหรือคำโปรย
4. Figma Draw: เครื่องมือวาดภาพ Vector แบบมืออาชีพ
Figma Draw ออกแบบมาเพื่อช่วยงานเวกเตอร์ โดยไม่ต้องนำงานออกไปแก้ไขนอกแพลตฟอร์มอีกต่อไป
- วาดข้อความตามเส้น (Text on path)
- เติมลวดลาย (Pattern fill)
- เครื่องมือแปรง, การแก้ไขหลายวัตถุพร้อมกัน
- เพิ่มพื้นผิว (Noise), และการเลือกแบบอิสระ (Lasso selection)
จากเครื่องมือทั้งหมด Figma กำลังสร้างระบบนิเวศที่แข่งขันกับชุดเครื่องมือจาก Adobe และ Canva อย่างไรก็ตาม Yamashita ยืนยันว่ายังไม่ใช่การแข่งขันโดยตรง แต่เป็นการมุ่งพัฒนาเครื่องมือสำหรับสร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัล ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Figma มาโดยตลอด โดยมีผู้ใช้งานกว่าหนึ่งในสามที่เป็นนักพัฒนา
💡 แพลนใหม่: Content Seat
Figma ยังเปิดตัวแพลนใหม่ชื่อว่า “Content Seat” เริ่มต้นที่ $8/เดือน เพื่อให้เข้าถึง Figma Buzz, Slides, FigJam และ Sites CMS ได้ในแพ็คเกจเดียว
ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ Figma กำลังก้าวเข้าสู่การเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ที่ครบวงจรสำหรับทั้งนักออกแบบ นักพัฒนา และนักการตลาดในยุค AI อย่างเต็มตัว