ใครหลายคนอาจมองว่าคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะชาว Gen Z มัก “ลาออกบ่อย” เปลี่ยนงานบ่อย ไม่ทนกับที่เดิมนาน แต่ในความจริงแล้ว… พวกเขาไม่ได้อยากลาออกอย่างที่คุณคิด
🤝 Gen Z ต้องการ “ผู้นำที่เข้าใจ” มากกว่า “ตำแหน่งที่มั่นคง”
Gen Z เติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อยู่กับเทคโนโลยีตั้งแต่เด็ก และซึมซับแนวคิดเรื่อง Work-Life Balance มาโดยธรรมชาติ พวกเขาไม่ได้ทนอยู่กับสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะมองว่างานไม่ควรเป็นแค่การอยู่ให้ครบ 8 ชั่วโมง แต่น่าจะเป็นพื้นที่ที่มีคุณค่าและตอบโจทย์เป้าหมายชีวิต
แล้ว “ผู้นำที่เข้าใจ” คือแบบไหน?
- สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา — Gen Z ต้องการ Feedback ที่ชัด จริงใจ และสร้างสรรค์
- ไม่ยึดติดกับลำดับอาวุโส — Gen Z ให้ค่ากับการรับฟังไม่แพ้กับตำแหน่ง พวกเขาอยากรู้ว่าคำพูดของตนมีคุณค่าในองค์กร
- เปิดโอกาสให้ทดลองและล้มเหลว — ความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นโอกาสเรียนรู้ หากผู้นำมองลึกถึงจุดนี้ จะได้ใจทีม Gen Z ไปเต็มๆ
- เข้าใจภาพรวมชีวิต — ไม่ใช่แค่งาน แต่การเข้าใจว่าแต่ละคนมีเป้าหมายชีวิตที่ต่างกัน จะช่วยให้ผู้นำสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงขึ้น
🚀 วิธีที่องค์กรและผู้นำสามารถ “รักษาใจ” คนรุ่นนี้
- เปิดพื้นที่ให้ได้แสดงออก — สร้างวัฒนธรรมที่เปิดรับไอเดีย ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็มีเสียงในองค์กร
- ตั้งเป้าหมายร่วมกัน — ทำให้งาน “มีความหมาย” มากกว่าประสิทธิภาพ พวกเขาจะมีแรงผลักดันมากกว่าเดิม
- มีระบบพัฒนาอย่างต่อเนื่อง — ไม่ใช่แค่เทรนนิ่งตอนเข้าใหม่ แต่ต้องวางแผนเส้นทางการเติบโตของเขา
- สนับสนุนแบบมี Empathy — ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น สุขภาพจิต การปรับตัวหลังโควิด หรือความท้าทายเฉพาะช่วงวัย
และที่สำคัญ… อย่าตัดสินจากมุมที่เราคุ้นเคย
การที่ Gen Z มองหางานใหม่บ่อย ไม่ได้แปลว่าเขาขาดความอดทน แต่อาจหมายถึง “เขาแค่ยังไม่เจอผู้นำและองค์กรที่เข้าใจเขาจริงๆ”
📌 บทสรุปสำหรับผู้นำยุคใหม่
หากคุณคือผู้นำในยุคนี้ อย่าเพิ่งรีบมองว่า Gen Z เป็น Generation ที่เปลี่ยนใจง่าย แต่ให้ลองตั้งคำถามกลับไปว่า… เราเป็นผู้นำที่เข้าใจเขามากพอหรือยัง?
เมื่อเข้าใจ เขาจะอยู่ เมื่ออยู่ เขาจะทุ่ม เมื่อทุ่ม เขาจะเติบโต และถ้าเติบโตได้ในองค์กรของคุณ เขาก็ไม่มีเหตุผลจะไปไหน