ความท้าทายปี 2025 จะซับซ้อนยิ่งขึ้น จากการโจมตีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ความเสี่ยงจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม และการโจมตีแบบหลายรูปแบบ องค์กรต้องเร่งป้องกัน-แก้ไข
1. AI-Driven Cyber Attacks
การโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะกลายเป็นภัยคุกคามที่สำคัญในปี 2025 โดยแฮกเกอร์จะใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างแคมเปญโจมตีที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น การสร้างอีเมลฟิชชิ่งที่ดูเหมือนจริงหรือการพัฒนามัลแวร์ที่สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับได้อย่างมีประสิทธิภาพ การป้องกันภัยนี้จำเป็นต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้ AI ในการตรวจจับและตอบสนองต่อพฤติกรรมผิดปกติในเครือข่ายอย่างรวดเร็ว
2. Supply Chain Attacks and AI Model Manipulation
การโจมตีห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Attacks) จะกลายเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ โดยเฉพาะเมื่ออาชญากรเริ่มมุ่งเป้าไปที่การจัดการโมเดล AI ขององค์กร การโจมตีนี้สามารถทำให้ข้อมูลถูกเปลี่ยนแปลงหรือเสียหายได้ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กร
3. Quantum Computing Threats
แม้ว่าเทคโนโลยีควอนตัมจะยังไม่สามารถโจมตีระบบเข้ารหัสในปัจจุบันได้ แต่ความก้าวหน้าของควอนตัมคอมพิวเตอร์อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสในอนาคต อาชญากรไซเบอร์อาจเริ่มพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ควอนตัมในการถอดรหัสข้อมูล ทำให้ความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กรต้องมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
4. Multi-Vector Attacks
การโจมตีแบบหลายรูปแบบ (Multi-Vector Attacks) จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยผู้โจมตีจะใช้เทคนิคหลายอย่างร่วมกัน เช่น การโจมตีผ่านเว็บ, DNS, และ Ransomware ทำให้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยแบบเดิมไม่เพียงพอ องค์กรจึงต้องใช้โซลูชันรักษาความปลอดภัยแบบบูรณาการเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. Skills Gap in Cybersecurity
องค์กรหลายแห่งนอกจากต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนบุคลากรแล้ว ยังเกิดประเด็นการขาดทักษะใหม่ๆ ด้านความปลอดภัยไซเบอร์อีกด้วย ซึ่งทำให้ไม่สามารถจัดการกับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะบุคลากรจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถรับมือกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในโลกไซเบอร์
การเตรียมพร้อมรับมือกับภัยไซเบอร์เหล่านี้จะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรในปี 2025 เพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของข้อมูลในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว