Home » สัมผัสเสน่ห์แห่งธรรมชาติ ที่เกาะ San Cristobal (กาลาปากอส อาณาจักรแห่งธรรมชาติ)

สัมผัสเสน่ห์แห่งธรรมชาติ ที่เกาะ San Cristobal (กาลาปากอส อาณาจักรแห่งธรรมชาติ)

โดย 2 Cents
219 views

หลังจากเที่ยวแถวเมืองหลวงสามวันก็ได้เวลาไปเกาะในฝันกันสักที

ในส่วนของกาลาปากอสด้วยความที่เป็นเกาะ กิจกรรมทัวร์ส่วนมากก็เลยเป็นกิจกรรมทางน้ำ เอเจนต์บางแห่งเขาจะบอกว่าทัวร์ไหนกิจกรรมอะไรกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแทบทุกทัวร์เกิน 50% ของกิจกรรมคือ snorkel ซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับคนกลัวน้ำอย่างเรา แต่แม้แต่คนกลัวน้ำอย่างเราก็ยังมีอะไรให้ทำมากมาย เราไปสามเกาะคือ San Cristobal, Santa Cruz และ Isabela 

อากาศทุกวันคือร้อน ประมาณ 27-30C และแดดแรงมากกกกกก ทุกวัน

(จากภาพ: เกาะหลักๆ ในหมู่เกาะกาลาปากอสรูปจาก Google Map)

เราขึ้นเครื่องบินจาก Quito ไปลงที่เกาะ San Cristobal ซึ่งเป็นเกาะที่เล็กที่สุดใน 3 เกาะหลักของหมู่เกาะ มีจุดที่เป็นชุมชนอยู่ด้านใต้เกาะ มีถนนไปถึงประมาณกลางเกาะ ที่เหลือของเกาะคือยังเป็นป่า

ถ้าไปทางเครื่องบินเมื่อมาถึงแล้วกระเป๋าสัมภาระจะต้องถูกตรวจด้วยสุนัขดมกลิ่นก่อนจึงจะให้เราเอากระเป๋าและออกจากสนามบินได้ ถ้านั่งเฟอร์รี่มาจะต้องเอากระเป๋าเข้าเครื่องเอ็กซเรย์อีกครั้งก่อนเข้าเกาะ

สนามบินที่เกาะ San Cristobal จะเล็กมากๆ มีสองเกทและ runway + taxiway เดียว คือมีทางเป็นเส้นตรงๆ ไว้ให้เครื่องขึ้นลงเส้นเดียวเลย บริเวณที่เป็นเกทจะอยู่ตรงกลางทาง พอเครื่องลงก็ไปกลับลำที่สุด runway กลับมาทางเดิมเพื่อมาเข้าเกท เวลาเครื่องจะขึ้น ก็ taxi ไปบน runway แล้วไปกลับลำขึ้นทางเดิม

สนามบินจะอยู่ใกล้ตัวเมืองสามารถเดินจากสนามบินไปได้ระยะทางประมาณกิโลเมตรกว่าๆ แต่ด้วยความที่อากาศร้อนมากถ้ามีกระเป๋าใหญ่ขึ้นแท็กซี่อาจจะสะดวกกว่า แท็กซี่บนกาลาปากอสทุกเกาะคือรถกระบะ 4 ประตู

กิจกรรมที่เราทำบนเกาะนี้ คือ

1. จ้างแท็กซี่ไป Highland Tour คือทัวร์ส่วนที่เป็นเขากลางเกาะจุดที่แวะดูคือ El Junco คือทะเลสาบใน crator, Giant Tortoise Reserve คือศูนย์อนุรักษ์เต่า และ Puerto Chino beach

เราได้ข้อมูลแท็กซี่จากการถามสมาชิกในเพจ Tripadvisor ที่เคยมาใช้บริการและแนะนำ และติดต่อแท็กซี่ล่วงหน้าราคา $60 สำหรับ 2 คน

2. ไปทัวร์ 360 degree คือทัวร์ที่พาเที่ยวรอบเกาะ มีทั้ง snorkel และเดินดูวิว/สัตว์ แต่เอาจริงๆ กลายเป็น 180 degree กับตกปลาซะงั้น ราคาคนละ $130 เรามาซื้อทัวร์จากเอเจนต์บนเกาะล่วงหน้า 3 วัน กาลาปากอสจะเหมือนยุโรป คือช่วงบ่ายบริษัทเขาจะปิด เปิดอีกทีประมาณ 3 โมงเย็น ตอนเรามาถึงเดินหาบริษัททัวร์ปรากฏว่าไม่มีบริษัทไหนเปิดเลย ถามเขาถึงรู้ว่าเขามีพักตอนบ่าย

3. เดินเที่ยวบนเกาะไป The Interpretation Center แล้วเดินต่อไปจุดชมวิว Mirador Cerro Tijeretas แวะ Muelle Tijeretas, Playa Punta Carola, Playa Mann

คนอื่นเขาจะเช่าจักรยานขี่เที่ยวกันแต่เพื่อนเราขี่จักรยานไม่แข็ง และเขาไม่มีจักรยานแบบมีที่ซ้อน เราสองคนก็เลยเดินเอา ก็ได้เที่ยวเท่าที่เดินไหว

1. Highland Tour เราคุยกับแท็กซี่ล่วงหน้า โดยได้ข้อมูลคนขับแท็กซี่จากนักท่องเที่ยวที่เคยมาและรีวิวไว้บน Tripadvisor แท็กซี่มารับเราจากที่พักพอเสร็จจากทัวร์เราให้แท็กซี่ส่งเราลงที่ท่าเรือ เพราะเราข้ามไปเกาะ Santa Cruz บ่ายวันนั้น เรากลับมาเที่ยวที่ San Cristobal อีกทีตอนกลับมาจากเกาะ Isabela

จุดแรกที่แวะคือ El Junco คือทะเลสาบใน crator หรือยอดภูเขาไฟที่ระเบิดไป ต้องเดินขึ้นไปประมาณ 15-20 นาที และจะมีเมฆปกคลุมอยู่แทบตลอดเวลา ต้องรอให้เมฆผ่านไปถึงจะเห็นทะเลสาบ

(จากภาพ: El Junco)

(จากภาพ: ทางเดินไป El Junco)

หลังจาก El Junco ก็ไปแวะ ศูนย์อนุรักษ์เต่า (Giant Tortoise Reserve) ซึ่งอยู่ห่างไปไม่กี่นาที ศูนย์อนุรักษ์เต่าที่นี่ไม่มีค่าเข้าชม อีกสองเกาะจะมีค่าเข้าชม เขาจะมีทางเดินวนรอบศูนย์ ระหว่างทางจะมีเต่ามากมายตั้งแต่ตัวเล็กจนตัวใหญ่ ตัวเล็กเขาจะเลี้ยงไว้ในบริเวณที่กั้นไว้ เขาบอกว่าช่วงสองปีแรกเต่าจะถูกนกอินทรีย์กินเป็นอาหารได้ง่าย แต่หลังจากอายุสองปี เต่าจะโตพอที่จะไม่ถูกกินเป็นอาหารและจะมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้นเยอะ เขาเลยเลี้ยงเต่าไว้ในบริเวณที่กั้นช่วงสองปีแรก หลังจากนั้นจึงปล่อยให้เขาอยู่ตามธรรมชาติ

Tortoise เป็นเต่าบกไม่เหมือน Turtle ที่จะอยู่ในน้ำ Tortoise จะอยู่บนเขาและไม่เคยว่ายน้ำเลย และมีมากมายหลายพันธุ์ บางพันธุ์ก็สูญพันธุ์ไปแล้ว เมื่อก่อนที่กาลาปากอสจะมี Tortoise ที่ดังมากชื่อ

Lonesome George ซึ่งเป็น Pinta Island tortoise ตัวสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ นักวิจัยเจอ Lonesome George ครั้งแรกบนเกาะ Pinta เมื่อปี ค.ศ. 1971 หรือ พ.ศ. 2514 นักวิจัยพยายามแพร่พันธุ์แต่ไม่สำเร็จ Lonesome George ตายเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2012 (2555) เขาเชื่อว่า Lonesome George มีอายุกว่า 100 ปี 

Tortoise มีอายุยืนยาวกว่า Turtle โดยมีอายุได้ถึง 150 ปี เลยทีเดียว และตัวใหญ่มากด้วย

(จากภาพ: ศูนย์อนุรักษ์เต่า Giant Tortoise Reserve)

จุดสุดท้ายที่เราแวะในทัวร์ Highland นี้คือหาด Puerto Chino ที่เขาว่าสวยสุดของเกาะนี้ คนอื่นเขาไปชายหาดเพื่อเล่นน้ำแต่เรากับเพื่อนไปเพื่อดูสิงโตทะเล (Sea Lion)  ตอนแท็กซี่ถามว่าจะเสร็จจากหาดกี่โมง พอเราบอกว่า 45 นาที แท็กซี่ทำหน้างงเพราะเดินจากที่จอดรถไปหาดก็ร่วมสิบนาทีแล้ว เราไม่ค่อยตื่นเต้นกับทะเล/ชายหาดในต่างประเทศเพราะเราไม่ชอบเล่นน้ำทะเล และเราว่าส่วนมากทะเลไทยเราสวยกว่า เดินไปถึงหาดก็เจอน้องสิงโตทะเลยืนโพสต์ท่าให้ถ่ายรูป เป็นอันเสร็จพิธี

(จากภาพ: หาด Puerto Chino)

ทัวร์นี้ปกติจะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง แต่เรากับเพื่อนใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 4 ชั่วโมง เพราะเราสองคนไม่เล่นน้ำทะเล เราเอากระเป๋าเดินทางไว้หลังรถแท็กซี่ (แท็กซี่ที่นี่คือรถกระบะสองตอน 4 ประตู) ตลอดทริป ไม่ต้องกลัวของหายนะคะกาลาปากอสปลอดภัยมาก ไม่เหมือน Quito

ระหว่างทางที่ไปเราสังเกตเห็นเขามีทางจักรยานแยกจากถนน ซึ่งขนานไปกับถนนตลอดทางเลย ถ้าใครจะขี่จักรยานเที่ยวก็สะดวกและปลอดภัย

2. ไปทัวร์ 360 องศา (360 degree) ที่ชื่อนี้เพราะทัวร์เป็นการนั่งเรือเที่ยวรอบเกาะ ระหว่างทางแวะ snorkel และถ่ายรูป 4-5 ที่ มีทั้ง snorkel และเดินดูวิว/สัตว์ คือเสร็จทัวร์กลับมาก็ครบ 360 องศา

 แต่กลายเป็นทัวร์ 180 degree กับตกปลาซะงั้นเพราะคลื่นแรงมาก

(จากภาพ เกาะ มีเมืองอยู่ตรงวงฟ้าๆ กว่าครึ่งเกาะเป็นป่า ทัวร์ 360 องศา ตามโปรแกรมคือนั่งเรือแวะเที่ยวสี่จุดรอบเกาะตามเส้นสีแดง แต่เจอคลื่นแรงมากเลยไปได้แค่เส้นสีเหลืองกัปตันพากลับไปตกปลาแทน ส่วนของ highland tour คือวงสีเทา)

จุดแรกที่แวะคือที่เรียกว่า Kicker Rock ซึ่งเขาบอกว่าเป็นจุด Snorkel ที่ดีมาก จริงๆ เราตั้งใจว่าจะลงไป snorkel เพราะเขาบอกว่าแถวนี้มีฉลามหัวค้อน แต่น้ำลึกมากมองไม่เห็นอะไรเลย ก็เลยนั่งดูวิวบนเรือแทน แต่เราไม่พลาดอะไรมากเพราะคนที่ลงไปบอกว่าวันนี้เจอแค่ฉลามครีบขาวไม่เจอฉลามหัวค้อน

(จากภาพ Kicker Rock)

ออกจาก Kicker Rock ก็มาที่หาด Bahia Sardina อันนี้น้ำตื้น snorkel ดูปลาเล็กปลาน้อยอยู่ได้กว่าครึ่งชั่วโมง แล้วก็ขึ้นเรือกินอาหารเที่ยงบนเรือ กินเสร็จก็เดินทางต่อไปจุดที่สาม แต่ปรากฏว่าวันนี้คลื่นแรงมาก จากที่นั่งกันทั้งเรือต้องย้ายไปนั่งกันท้ายเรือ จากที่นั่งขอบเรือต้องย้ายลงไปนั่งที่พื้นเรือ บางจังหวะเจอคลื่นใหญ่ก็มีเสียงกรี๊ดกันลั่น พอดีกลุ่มเรา 12 คน เป็นผู้หญิงซะ 9 คนน่ะ

สุดท้ายกัปตันถามว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ เพราะที่ผ่านมาคือฝั่งที่คลื่นลมสงบกว่าอีกฝั่งแล้ว ถ้าไปอีกฝั่งของเกาะคลื่นจะยิ่งแรงกว่านี้ ก็ลงความเห็นกันว่าถอยดีกว่า ทัวร์ 360 องศาก็เลยกลายเป็นทัวร์ 180 องศาไป (น่าจะได้ลดครึ่งราคานะ) ก็เลยเปลี่ยนแผนเป็นย้อนกลับทางเดิมแล้วไปตกปลาแทน

ไกด์ให้คนในทัวร์ตกปลา คนแรกตกได้แบบไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น คนที่สองตกอยู่นานปลาไม่กินเบ็ดสักที คนสุดท้ายหย่อนเบ็ดสักพักปลาก็ติด แต่ระหว่างที่สาวเบ็ดกลับเพื่อจะเกี่ยวปลาขึ้นมา มีแมวน้ำโผล่มาขโมยปลาไปต่อหน้าต่อตา ก็หย่อนเบ็ดลงไปใหม่สักพักปลาก็ติดเบ็ดอีก แล้วก็เห็นแมวน้ำว่ายไปมาอยู่ระหว่างที่ดึงเบ็ดกลับ จังหวะสุดท้ายไกด์ใช้ตะขอเกี่ยวปลาได้ก่อนแมวน้ำไปนิดเดียว

3. เดินเที่ยวบนเกาะ อีกหนึ่งวันเราเดินเที่ยวบนเกาะ มีสิงโตทะเลอยู่เต็มไปหมด เขาไม่กลัวคนเพราะคนไม่ยุ่งกับเขาปล่อยเขาใช้ชีวิตไป มีหาดหนึ่งที่เขากั้นไม่มีคนเล่นน้ำมีลูกสิงโตทะเลมากมายเต็มหาดเลย เห็นแล้วมีความสุข

(จากภาพ: หาด Playa Mann ทางขวาลูกสิงโตทะเลกำลังกินนมแม่ มีเสียงจ๊วบๆๆๆ น่ารักมาก)

พูดถึงค่าครองชีพ ส่วนตัวเราว่าเกาะนี้ค่าครองชีพสูงที่สุด ทั้งราคาโรงแรมและอาหาร ร้านอาหารบนถนนติดหาดจะราคาแพงเกือบพอๆ กับที่อเมริกาเลย แต่เดินถัดเข้าไปจากชายหาดจะมีร้านอาหารราคาถูกอยู่กระจัดกระจาย

ตอนหน้าเราจะนั่งเรือข้ามไปเที่ยวเกาะ Santa Cruz กันนะคะ

You may also like

The-Perspective แหล่งรวมองค์ความรู้ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ เกาะติดข่าวสารคาดการณ์อนาคต

Tel:  081-619-9494
Email:
editor@the-perspective.co
naiyanaone@gmail.com

Total Visit:

193,162

193,162

Editors' Picks

Latest Posts

The-Perspective © All Right Reserved.

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเก็บข้อมูลและรวบรวมสถิติวิจัยทางด้านการตลาด การวิเคราะห์แนวโน้ม ตลอดจนนำมาปรับปรุง และควบคุมการทำงานของเว็บไซต์ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอม ท่านยังสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้ปกติ ยอมรับทั้งหมด