บทความ เรื่องเล่าจากต่างแดน โดย 2 Cents
อเมริกากับการบริจาคและงานจิตอาสา ตอนนี้เป็นตอนแรก ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดในอเมริกา และชี้ว่าแต่ละประเทศต่างก็มีปัญหาที่ต้องแก้ ส่วน “ใครแก้” นั้นขึ้นกับมุมมองความคิด
หลายครั้งที่เราเห็นโพสต์ขอรับบริจาคเงินหรือสิ่งของยามมีภัยพิบัติที่เมืองไทย แล้วก็มักจะมีคนคอมเมนต์ดูแคลนประเทศเรา ว่าถ้าเป็นที่อื่นไม่ต้องมาขอบริจาคแบบนี้หรอก รัฐบาลเขาจัดการ เราเองไม่สามารถพูดแทนประเทศอื่นได้ แต่อยากจะให้ข้อมูลข้อเท็จจริงสำหรับประเทศที่เราอยู่ ซึ่งนั่นก็คืออเมริกานะคะ ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ
ล่าสุดที่เราเห็นคือข่าวบอกว่าเจอลูกหมา 8 ตัว เจ้าหน้าที่เขาส่งให้ Humane Society ดูแล และก็มีคนคอมเมนต์คล้ายเดิม ว่าอยากให้บ้านเรามีหน่วยงานแบบนี้ ที่เรามีส่วนมากจะเป็นเอกชนทำกัน ขอรับบริจาคกันเอง ซึ่งจริงๆ แล้ว Humane Society ที่อเมริกานี่ก็เป็นองค์กรเอกชนมีรายได้หลักมาจากการบริจาค เขามีเครือข่ายใหญ่โตครอบคลุมทั่วประเทศได้ก็เพราะเงินบริจาค
(ภาพ: ข่าวที่อ้างถึง จะเห็นว่าที่มาคือ Humane Society of North Texas ที่เป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรใน Texas เป็นเอกเทศ จาก Humane Society of The United States)
หลายคนมีความเข้าใจผิดที่คิดว่าทุกอย่างที่อเมริกาคือของรัฐบาล แล้วก็มักจะบ่นว่าทำไมเมืองไทยไม่มีแบบนี้ ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่นะคะ
เราไม่ตำหนิคนที่ไม่รู้นะคะ เพราะตรงนี้แม้แต่คนที่อยู่ที่นี่หลายคนก็อาจจะไม่รู้ ที่ผ่านมาเราจะพยายามตอบคอมเมนต์ให้ข้อเท็จจริงว่า ที่อเมริกานั้นการขอบริจาคเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องที่เขาทำกันทั้งปี ตลอดปี ไม่ต้องรอให้มีภัยพิบัติเขาก็ขอบริจาคตลอดเวลา และคนเขาก็เชื่อในการบริจาค หลายองค์กรมีเครือข่ายใหญ่โตทั่วประเทศได้จากเงินบริจาค ตอนนี้จดหมายที่เราได้ส่วนมากคือจดหมายขอบริจาค
วันนี้เลยคิดว่านอกจากเรื่องเที่ยว จะมาเล่าเรื่องการบริจาคที่นี่ให้อ่าน ก็หวังว่าจะทำให้ท่านที่อ่านมีข้อมูลที่ถูกต้องขึ้น เราจะเขียนเฉพาะส่วนที่เรารู้ข้อเท็จจริงแน่นอน จากการทำงานอาสาให้องค์กรไม่หวังผลกำไรที่รายได้หลักมาจากการบริจาคเหล่านี้ ว่าเขาทำงานกันยังไงนะคะ
หลายปีที่ผ่านมาเราเคยทำงานอาสาหลายที่ เราเคยทำงานอาสาในโกดังของ Food Bank แถวบ้านอยู่เกือบ 3 ปี เราอาสาขับรถส่งหมาจรจัดให้กับ Humane Society แห่งนึงมาจะ 9 ปีแล้วและก็ยังทำอยู่ เรารับเลี้ยงหมาจรจนกว่าจะหาบ้านใหม่ได้ เราเคยทำงานอาสาในโรงพยาบาลเด็กแถวบ้านอยู่ 6 เดือน และอาสาทำงานในคอกม้าที่ทำอาชาบำบัดให้กับเด็กที่มีปัญหาบุคลิกภาพ
นอกจากจะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น การทำงานอาสาเหล่านี้ทำให้เราได้รับรู้ถึงปัญหาหลายอย่างในประเทศนี้ที่ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยรับรู้
ซึ่งทุกที่ ที่เราทำงานอาสาเป็นองค์กรเอกชนที่รับบริจาคทั้งนั้น
Food Bank และ Humane Society นั้นเป็นองค์กรที่มีรายได้หลักมาจากการบริจาค ส่วนโรงพยาบาลเด็กนั้นเขาก็รับบริจาคตลอดเวลา ทุกปีเขาจะมีช่วงที่สถานีวิทยุท้องถิ่นสองสามช่องจะประกาศรับบริจาคทั้งวันอยู่สองวัน
จากการทำงานอาสาเหล่านี้ เรารู้สึกว่าคนที่นี่ให้ความสำคัญกับงานอาสาและการบริจาคมากกว่าบ้านเรา คือเขาทำกันเป็นปกติตลอดเวลา แทบทุกอาทิตย์ที่เราทำงานอาสาที่ Food Bank จะมีกลุ่มเด็กนักเรียนตั้งแต่ประถมยันมหาวิทยาลัยมาทำ เด็กโตจะมากันเองหรือมากับโครงการของโรงเรียน เด็กเล็กก็มากับโครงการของโรงเรียนแต่พ่อแม่ของเด็กหลายคนจะมาด้วย และก็มีหลายครอบครัวที่มากันเป็นครอบครัวอยู่ประจำ
บางครั้งเราก็คิดว่า เด็กเล็กมาทำงานก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะงานในโกดังเป็นงานหนัก ต้องแพ็คของลงลังแล้วยกลังที่ส่วนมากจะหนักสิบกว่ากิโลขึ้นไป เอาไปเรียงบนพาเลท
แต่ก่อนจะเริ่มทำทุกครั้ง เจ้าหน้าที่เขาจะอธิบายว่าทำไมเราถึงต้องทำงานอาสานี้ และตอนหมดกะเขาจะบอกว่าวันนี้เราทำอะไรได้มากแค่ไหน ช่วยได้กี่ครอบครัว ทำให้เราเข้าใจว่าการให้เด็กเล็กมาทำ อาจจะไม่ได้งานมาก แต่มันเป็นการให้ความรู้ในปัญหาที่เขาอาจจะไม่เคยเห็น และเป็นการสร้างจิตสาธารณะและจิตสำนึกต่อส่วนรวม
และหลายครั้งจะมีกลุ่มอาสาจากบริษัท ห้างร้านมาทำกัน โดยเขาถือว่าเป็น CSR อย่างหนึ่ง
ผู้อ่านท่านใดที่เป็นผู้บริหารองค์กร จะทำ CSR แบบเขาบ้างก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ดีนะคะ ถ้าท่านทำอยู่แล้วเราก็ขอขอบคุณค่ะ
และแน่นอน จากงานอาสาที่เราทำมันก็บ่งบอกว่าที่นี่มีปัญหาเหมือนเมืองไทยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาคนยากจนไม่มีกิน ปัญหาหมาจรจัด ซึ่งก็อยากจะให้ท่านผู้อ่านมีข้อมูลว่าแม้แต่อเมริกาก็มีปัญหาเหล่านี้ แต่ที่สำคัญคือ ประชาชนของอเมริกาไม่ได้คิดว่า รัฐบาลต้องแก้ปัญหาต่างๆ เพียงฝ่ายเดียว (ในฐานะที่เราก็ทำงานเกี่ยวกับงบประมาณของรัฐ เรารู้ว่ารัฐบาลไม่มีปัญญาทำได้ทั้งหมดอย่างแน่นอนค่ะ) เขาจะช่วยกัน เขาถึงมีองค์กรเอกชนมากมายที่ช่วยกันแก้ปัญหานี้โดยอาศัยเงินบริจาคและอาสาสมัคร
เราจะเล่ารายละเอียดของแต่ละปัญหา และวิธีการที่องค์กรเอกชนเขาช่วยผ่อนเบาปัญหาอย่างมีระบบที่เราสัมผัสมาในบทความต่อๆ ไปนะคะ
ข้อมูลต่างๆ ที่เล่ามานี้ เพราะอยากให้เกิดมุมมองใหม่ๆ เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และถ้าอยากเห็นอะไรเปลี่ยนเริ่มที่ตัวเรานะคะ แทนที่จะมานั่งน้อยเนื้อต่ำใจด้อยค่าประเทศไทย เรามาร่วมด้วยช่วยกันทำให้เกิดสิ่งดีๆ และลองคิดดูว่า จะดีกว่าไหมถ้าเราจะเปลี่ยนจากการติเตียน เป็นการลงมือช่วยกัน
