AI หรือปัญญาประดิษฐ์ กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว ซึ่ง CEO ในทุกอุตสาหกรรมต่างตระหนักถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งไม่เพียงแค่การนำ AI เข้ามาใช้ในงานบางงานเท่านั้น แต่นับจากนี้ไป องค์กรต่างๆ ควรจะต้องมีการกำหนดกลยุทธ์ด้าน AI
รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซี ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ The-perspective ถึง สิ่งที่ CEO จะต้องเตรียมความพร้อมให้กับองค์กรในปี 2024 นี้ ซึ่งท่านฟันธงว่า AI เป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด โดยมองว่า ถึงเวลาแล้วที่ CEO ควรต้องยอมรับว่า AI เป็นสิ่งจำเป็นเชิงกลยุทธ์มากกว่าเป็นเพียงเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน แต่ยิ่งกว่านั้นคือ AI มีศักยภาพในการกำหนดรูปแบบธุรกิจใหม่ และขับเคลื่อนนวัตกรรมทั่วทั้งองค์กร ดังนั้นองค์กรในปี 2024 นี้ควรจะต้องกำหนดกลยุทธ์ด้าน AI โดยมี CEO เป็นผู้นำ
“ผมมองว่ากลยุทธ์ด้าน AI ขององค์กรมี 2 ส่วน คือ Everyday AI และ Game-changing AI ซึ่งทั้งสองกลยุทธ์นี้มีความสำคัญมาก หากไม่เริ่มตั้งแต่วันนี้องค์กรจะไม่สามารถแข่งขันได้ในอีก 1-2 ปีข้างหน้านี้” รศ.ดร.ธนชาติ กล่าว พร้อมกับอธิบายแนวทางดำเนินการของทั้งสองกลยุทธ์ไว้ว่า…
กลยุทธ์ Everyday AI
ที่ผ่านมา CEO จำนวนมากใช้ Generative AI (Gen AI) อย่าง ChatGPT และ Google Bard กันมาบ้างแล้ว ทำให้รับรู้ถึงศักยภาพของ Gen AI ที่สามารถนำมาเป็นเครื่องมือช่วยการทำงานได้หลายลักษณะ ทำให้ได้ชิ้นงานรวดเร็วขึ้น
ในปี 2024 นี้ จึงควรจะต้องนำ Gen AI มากำหนดเป็น “กลยุทธ์ Everyday AI” เพื่อพัฒนาองค์กร และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร โดยบทบาทของ CEO ในฐานะที่เป็นผู้นำองค์กรควรจะต้องกำหนดกลยุทธ์ ได้แก่
- ผู้นำองค์กร (CEO) สร้างความตระหนักต่อความสำคัญของ Gen AI ที่จะนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำงาน และเปลี่ยนความคิดให้พนักงานเชื่อว่า Gen AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่คน ไม่ได้ทำให้คนตกงาน แต่คนจะต้องใช้ Gen AI ให้เป็น
- CEO ควรให้แนวทาง (Guideline) การนำ Gen AI มาใช้ เช่น ใช้วิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด ใช้ในการสรุปเอกสาร ใช้เขียนโค้ดหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ใช้ด้านการออกแบบ เป็นต้น
- ขับเคลื่อนวัฒนธรรม Augmented Workers โดยปลูกฝังให้บุคลากรในองค์กรใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยทำงาน ในปี 2024 นี้จะเริ่มเห็นความแตกต่างของพนักงานที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเอไอกับพนักงานแบบเดิมๆ
- แตกภารกิจงาน (Task) ในแต่ละตำแหน่ง เพื่อให้รู้ว่ามีงานลักษณะใดบ้างที่สามารถนำ Gen AI เข้าไปใช้ เพื่อช่วยลดงาน ประหยัดเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรให้ดียิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่า กลยุทธ์ที่กล่าวมานั้นจะต้องเริ่มจาก CEO ซึ่งการขับเคลื่อนนั้นจะทำให้เกิดการใช้งาน Gen AI ขึ้นในองค์กร นำไปสู่การสร้างทักษะด้าน AI ที่สอดคล้องกับการทำงานในแต่ละตำแหน่ง
กลยุทธ์ Game-changing AI
เมื่อองค์กรมีความพร้อมต่อการใช้ AI ในกลยุทธ์ Everyday AI แล้ว ในขั้นต่อไปคือการก้าวสู่ “กลยุทธ์ Game-changing AI” เพื่อสร้างศักยภาพทางการแข่งขัน และคาดหวังว่าในอนาคตจะเปลี่ยนเกมธุรกิจโดยยกระดับองค์กรให้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม
ในมุมของ Game-changing นั้น นอกจากความพร้อมทางด้านบุคลากรแล้ว องค์กรก็จะต้องมีความพร้อมด้านอื่นๆ ด้วย เพื่อให้เดินไปสู่เป้าหมายของการสร้างสินค้าและบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ต่อผู้บริโภคหรือลูกค้าได้ตรงใจมากที่สุด และเหนือคู่แข่งในตลาด
โดยความพร้อมด้านอื่นๆ ได้แก่ ความพร้อมด้านข้อมูล (Data) ด้านระบบความปลอดภัยสารสนเทศ (Security) และด้านธรรมาภิบาล (Governance) เป็นต้น
“องค์กรจะต้องมีความพร้อมด้านข้อมูล โดยมีข้อมูลที่ถูกจัดระเบียบให้สามารถนำไปใช้ในเชิงวิเคราะห์ คาดการณ์อนาคตได้ ส่วนความพร้อมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะการพึ่งพา AI ที่เพิ่มขึ้น จึงควรต้องการมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นด้วย” รศ.ดร.ธนชาติ ยกตัวอย่าง พร้อมกับสรุปไว้ว่่า Gen AI จะเป็นตัวเร่งให้ Digital Transformation ทำได้ง่ายขึ้น และอาจนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมขององค์กร
กล่าวได้ว่าปัจจุบันเรากำลังอยู่ในยุคที่ AI คือเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก เปรียบเทียบได้กับการเกิดอินเทอร์เน็ตเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่ทำให้เกิด big change ครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ ซึ่งหากบุคคลใดไม่เปลี่ยนตามก็อาจจะใช้ชีวิตได้ยากลำบาก