เจาะลึก 10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ปี 2026 โดย Gartner: AI ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือยุทธศาสตร์แห่งการอยู่รอดนับจากนี้ องค์กรควรวางแผนเตรียมความพร้อม
ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลพุ่งทะยานด้วยความเร็วในแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญอย่าง AI (ปัญญาประดิษฐ์) ได้กลายเป็นหัวใจและพลังขับเคลื่อนของทุกองค์กร การตามให้ทันกับกระแสเทคโนโลยีจึงไม่ใช่เพียงหน้าที่ของนักพัฒนาอีกต่อไป แต่เป็นภารกิจเชิงกลยุทธ์ที่ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับต้องรับผิดชอบ
Gartner ในฐานะผู้นำด้านข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจและเทคโนโลยี ได้เปิดเผย “10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์สำหรับปี 2026″ (Gartner Top 10 Strategic Technology Trends for 2026) ซึ่งสะท้อนความเป็นจริงในโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI
โดย Gartner ได้จัดกลุ่มเทรนด์เหล่านี้ออกเป็น 3 มิติสำคัญ เพื่อกำหนดทิศทางว่าองค์กรชั้นนำจะสร้างนวัตกรรม และความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างไร? ประกอบด้วย มิติด้าน The Architect, The Synthesist และ The Vanguard โดยในแต่ละมิติมีหัวข้อแยกย่อยรวมเป็น 10 แนวโน้ม ดังนี้
มิติที่ 1: The Architect – การสร้างรากฐานที่มั่นคง ปลอดภัย และปรับขนาดได้ (AI platforms and infrastructure)
เทรนด์กลุ่มนี้มุ่งเน้นที่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นและปลอดภัย เพื่อรองรับคลื่นลูกใหม่ของ AI และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล
1. สร้างซอฟต์แวร์เร็วขึ้นหลายเท่า ด้วยแพลตฟอร์ม GenAI => AI-Native Development Platforms: คือแพลตฟอร์มที่ใช้ Generative AI ในการสร้างและปรับปรุงซอฟต์แวร์ ช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันทำได้เร็วขึ้นหลายเท่า แม้แต่ทีมพัฒนาขนาดเล็กก็สามารถสร้างซอฟต์แวร์คุณภาพระดับองค์กรได้
Gartner คาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 แพลตฟอร์มเหล่านี้จะทำให้ 80% ขององค์กรเปลี่ยนทีมวิศวกรรมซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ ให้กลายเป็นทีมขนาดเล็กที่ทำงานร่วมกับ AI
2. ปลดล็อก AI ขั้นสูงด้วย Hybrid Computing => AI Supercomputing Platforms: นี่คือระบบประมวลผลขั้นสูงที่รวมพลังของ GPU, CPU, และ Quantum Processor เข้าด้วยกัน เพื่อรองรับการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่ต้องการความแม่นยำสูง
Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2028 กว่า 40% ขององค์กรชั้นนำจะนำสถาปัตยกรรม “Hybrid Computing” มาใช้ในเวิร์กโฟลว์ทางธุรกิจที่สำคัญ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับงานวิเคราะห์เชิงลึกและการจำลองขนาดใหญ่ (Simulation)
3. ยกระดับความปลอดภัย ปกป้องข้อมูล “ขณะใช้งาน” => Confidential Computing: เป็นเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการปกป้องข้อมูลในขณะที่ข้อมูลถูกใช้งาน (Data in Use) ผ่านสภาพแวดล้อมการประมวลผลที่เชื่อถือได้ (TEE) ทำให้ข้อมูลถูกเข้ารหัสและป้องกัน แม้แต่ผู้ให้บริการคลาวด์ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ เทรนด์นี้จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการปกป้องข้อมูลในยุค AI
Gartner คาดว่า ภายในปี 2029 กว่า 75% ของกระบวนการประมวลผลข้อมูลบนโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่น่าเชื่อถือจะมีการใช้ Confidential Computing ในการรักษาความปลอดภัยขณะใช้งาน
มิติที่ 2: The Synthesist – การเชื่อมต่อโมเดลเฉพาะทางและโลกทางกายภาพ (AI application and orchestration)
เทรนด์กลุ่มนี้เน้นย้ำถึงวิธีการผสานโมเดลเฉพาะทาง ระบบอัจฉริยะ และโลกแห่งความเป็นจริงเข้าด้วยกันเพื่อสร้างมูลค่าใหม่
4. AI Agents ทำงานร่วมกัน เพื่อเร่งภารกิจที่ซับซ้อนอย่างยืดหยุ่น =>à Multiagent Systems (MAS): คือระบบที่ประกอบด้วย AI Agents หลายตัวที่ทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุภารกิจที่ซับซ้อน Agent แต่ละตัวจะเชี่ยวชาญในภารกิจเฉพาะ ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานอัตโนมัติ และเชื่อมต่อการทำงานข้ามแพลตฟอร์มได้ดีขึ้น
Gartner คาดว่า ความสนใจในเทคโนโลยีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 1,400% ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปีนับจากนี้
5. AI เฉพาะทาง แม่นยำสูง และสอดคล้องกับกฎระเบียบอุตสาหกรรม => Domain-Specific Language Models (DSLMs): คือโมเดลภาษาที่ถูกฝึกด้วยชุดข้อมูลเฉพาะทางของแต่ละอุตสาหกรรม (เช่น การเงิน การแพทย์) ซึ่งแตกต่างจากโมเดลภาษาขนาดใหญ่ทั่วไป (LLM) ตรงที่ DSLMs เน้นความลึกและความถูกต้องทางธุรกิจก่อนเสมอ เพื่อให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำสูงและเป็นไปตามกฎระเบียบ
Gartner คาดการณ์ว่า ภายในปี 2028 กว่า 30% (หรือมากกว่าครึ่ง) ของโมเดล Generative AI ที่ใช้ในองค์กรจะเป็น DSLM
6. ผสาน AI สู่โลกจริง สั่งการหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ => Physical AI: นี่คือการนำ AI เข้ามาสู่โลกจริง ผ่านการผสานกับอุปกรณ์ทางกายภาพ เช่น หุ่นยนต์ โดรน หรือเครื่องจักร ทำให้ระบบเหล่านี้สามารถ “รับรู้–ตัดสินใจ–ลงมือทำ” ได้อย่างอิสระ
Gartner คาดการณ์ว่า ภายในปี 2028 คลังสินค้ากว่า 80% ทั่วโลกจะใช้หุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของอุตสาหกรรมอย่างสิ้นเชิง
มิติที่ 3: The Vanguard – การปกป้องชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ และธรรมาภิบาล (security, trust and governance)
เทรนด์สุดท้ายนี้ตอบสนองความจำเป็นที่เพิ่มขึ้นในการปกป้องชื่อเสียงองค์กร รักษาความน่าเชื่อถือ และปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด
7. ยุทธศาสตร์เชิงรุก ใช้ AI หยุดยั้งภัยคุกคามก่อนถูกโจมตี => Preemptive Cybersecurity: เป็นยุทธศาสตร์ความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบเชิงรุก โดยใช้ AI คาดการณ์และหยุดยั้งภัยคุกคามก่อนที่จะเกิดเหตุจริง แทนที่จะรอให้เกิดเหตุแล้วจึงแก้ไข
Gartner คาดว่า ภายในปี 2030 งบประมาณด้านความปลอดภัยกว่า 50% จะถูกลงทุนในระบบป้องกันเชิงรุกนี้
8. สร้างความเชื่อมั่นและโปร่งใส ด้วยการตรวจสอบที่มาของเนื้อหา AI => Digital Provenance: คือการตรวจสอบและยืนยันที่มาของซอฟต์แวร์ ข้อมูล และเนื้อหาที่สร้างโดย AI ผ่านเทคนิคต่างๆ เช่น Digital Watermarking เพื่อป้องกันปัญหาข่าวปลอม การปลอมแปลงเนื้อหา หรือ Deepfake
Gartner ชี้ว่ากฎหมายใหม่ เช่น EU AI Act จะทำให้การตรวจสอบแหล่งที่มากลายเป็นข้อบังคับทางกฎหมายสำหรับองค์กรในอนาคต
9. รวมศูนย์ความปลอดภัย ป้องกันความเสี่ยงจากการใช้ AI => AI Security Platforms (AISPs): คือระบบที่รวมศูนย์การควบคุมความปลอดภัยของระบบ AI ทั้งหมดไว้ในจุดเดียว ช่วยป้องกันความเสี่ยงที่มาจากการใช้ AI เช่น Prompt Injection หรือการรั่วไหลของข้อมูล
ภายในปี 2028 Gartner คาดการณ์ว่ากว่า 50% ขององค์กรทั่วโลกจะใช้ AISPs เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างความปลอดภัยหลัก เพื่อสร้าง “AI ที่เชื่อถือได้”
10. ย้ายข้อมูลสู่ Sovereign Cloud เพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ => Geopatriation: เป็นกลยุทธ์ในการย้ายข้อมูลหรือระบบออกจากคลาวด์สาธารณะระดับโลกไปยัง “Sovereign Cloud” หรือศูนย์ข้อมูลภายในประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และกฎหมายข้อมูลที่เข้มงวด ในยุคที่อธิปไตยข้อมูลเพิ่มสูงขึ้น องค์กรต้องวางแผนใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบ Hybrid Cloud ผสมผสานกับ Local Provider เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความยืดหยุ่นและความสอดคล้องทางกฎหมาย
บทสรุปเชิงวิเคราะห์: การเร่งนวัตกรรมภายใต้ความเชื่อมั่น
รายงานของ Gartner สะท้อนอย่างชัดเจนว่า เทรนด์ทั้ง 10 นี้คือ ยุทธศาสตร์ ไม่ใช่แค่การปรับเปลี่ยนทางเทคนิค ในโลกที่ “ไม่มีความสามารถใดเพียงอย่างเดียวเพียงพออีกต่อไป” องค์กรที่เริ่มต้นวางแผนและปรับตัวรับมือกับเทรนด์เหล่านี้ตั้งแต่ตอนนี้ จะได้รับความได้เปรียบในการแข่งขันใน 3–5 ปีข้างหน้าอย่างชัดเจน
การดำเนินการเชิงกลยุทธ์ในปัจจุบันจะช่วยให้ CIO และผู้นำองค์กรสามารถ
• เสริมความยืดหยุ่นขององค์กรให้พร้อมรับทุกความเปลี่ยนแปลง
• เร่งนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
• ปรับกลยุทธ์ด้านข้อมูลให้สอดคล้องกับกฎระเบียบระหว่างประเทศ
• นำพาการเปลี่ยนแปลงด้วยความมั่นใจ
ความสำเร็จในวันข้างหน้าจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างความเชื่อมั่นและความยืดหยุ่นให้กับองค์กรในวันนี้ เพราะการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI นั้นต้องการทั้งความกล้าในการสร้างรากฐานใหม่ การผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่างชาญฉลาด และการควบคุมดูแลที่เน้นความปลอดภัยและความโปร่งใสในทุกมิติ
ข้อมูลจาก
https://www.gartner.com/en/articles/top-technology-trends-2026
ใช้ AI ในการเขียนบทความ