ผู้เขียน: 2 Cents
Machu Picchu อยู่บนส่วนที่เป็นพื้นราบบนยอดเขา เขาอยู่กันมาตั้งแต่ช่วงปี 1500 มีสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 250 หลัง ทั้งบ้าน วัด และอื่นๆ มีลานกว้างที่เขาใช้เพื่อการประชุม ซึ่งเป็นบริเวณที่เสียงก้องมาก ตบมือมุมนึง ได้ยินไปถึงอีกมุมนึง ทำให้พูดแล้วได้ยินกันทั่ว ในยุคที่ไม่มีไมโครโฟน เขารู้จักเลือกที่จริงๆ
ภาพ: ลานประชุม ที่เสียงก้องมาก
เขาบอกว่าชาว Inca สร้างทั้งหมดนี้โดยปราศจากการเขียนแบบแพลนและไม่ได้ใช้เครื่องทุ่นแรงอย่างล้อขนอะไรเลย หินที่ใช้ก่อสร้างนี้ชาว Inca เขาใช้หินที่อยู่บริเวณนี้ทั้งหมดไม่ได้นำมาจากที่อื่น นอกจากนี้ Machu Picchu ยังมีระบบน้ำที่ซับซ้อน มีท่อส่งน้ำที่ออกมาจากใต้ดินไปยังน้ำพุให้คนใช้กัน ไกด์บอกว่าเมือง Machu Picchu นี้ไม่ได้ถูกรุกรานหรือทำลาย แต่ Inca ย้ายจากเมืองนี้ไปเองปล่อยเป็นเมืองร้าง ต้นไม้ขึ้นปกคลุมไปหมด
เหตุที่เมืองนี้ยังมีสภาพดีอยู่จนปัจจุบันเป็นเพราะตอนสเปนมายึดไม่เจอเมืองนี้ (ไกด์บอกว่าถ้าสเปนเจอ ตอนนี้ก็คงเป็นโบสถ์สเปน)
จนปี 1911 นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัย Yale ชื่อคุณ Hiram Bingham มาสำรวจ ถามชาวบ้านแถวนี้ ชาวบ้านบอกว่ามีเมืองโบราณอยู่บนเขา คุณ Hiram ก็ขึ้นมาสำรวจ จ้างชาวบ้านทำความสะอาดถากถางต้นไม้ออกหลังจากนั้นรัฐบาลเปรูก็มาบูรณะ และเพื่อเป็นการให้เกียรตินักโบราณคดีท่านนี้ (ที่ภายหลังได้เล่นการเมืองและได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐ Connecticut ที่เราเคยเรียนอยู่ แต่เขาเป็นผู้ว่าการรัฐอยู่แค่หนึ่งวัน เพราะเขาได้รับเลือกให้เป็นวุฒิสมาชิกของรัฐด้วย และเขาเลือกที่จะเป็นวุฒิสมาชิก) รถไฟจาก Ollantaytambo ไป Machu Picchu ชั้นหรูสุดราคาตั๋วหลายร้อยเหรียญจึงมีชื่อว่า Hiram Bingham
Machu Picchu ที่เราเห็นทุกวันนี้ 60-70% คือของเดิม ส่วนน้อยที่บูรณะปรับปรุง
ภาพ: Machu Picchu ที่เขาคิดว่าเคยเป็น
เราเดินดูเมืองกับไกด์ไปเรื่อยๆ เส้นทางเดินใน Machu Picchu จะมี 4 เส้นทางที่เขาเรียกว่า circuit เราเลือกได้ว่าจะเดินเส้นทางไหนตามเวลาที่เรามีและสภาพร่างกาย (circuit 1 ระยะทาง 1.8 กม, circuit 2 ระยะทาง 2.2 กม, circuit 3 ระยะทาง 850 เมตร, circuit 4 ระยะทาง 1.6 กม. เราไม่เห็นป้ายแยก circuit ที่บอกว่าทางไหนเป็น circuit ไหนนะ หรือเราไม่ได้สังเกตให้ดีพอก็ไม่รู้) เราเดินเส้นที่ยาวสุดคือ circuit 2 ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้าคุณซื้อตั๋วที่รวมปีนเขาด้วยก็จะใช้เวลามากกว่านั้น เขาจะให้คุณเข้าก่อนเวลาบนตั๋วเพื่อไปปีนเขา
ระยะทางอาจจะดูไม่มาก แต่เดินแล้วเหนื่อยพอสมควร เพราะทางเดินส่วนมากจะเป็นบนดินกับหินไม่เรียบและมีขึ้นลงบันไดหลายจุด คนที่เดินไม่ถนัดหรือใช้ไม้เท้าอาจจะไม่สะดวกและต้องระวัง รถเข็นนี่หมดสิทธิ์เลย
ภาพ: อีกด้านนึงของ Classic View
ช่วงนึงระหว่างที่เดินมีคนต่างชาติคล้ายคนเอเชียคนนึง มาคอยถามเราว่าตรงนี้คืออะไร ดูแล้วเขาคงไม่ได้จ้างทัวร์ เห็นเรามีไกด์อธิบายก็เลยมาถามเราต่อ เราถึงแนะนำมากๆ ให้จ้างไกด์นะคะ ปกติเราไม่ค่อยชอบเที่ยวโบราณสถานแต่ถ้าจะให้เข้าใจในสถานที่และ appreciate ในสถานที่เหล่านี้จริงๆ เราต้องรู้ประวัติและความเป็นมาของมันที่หลายอย่างก็หาอ่านบนเน็ตไม่ได้
ภาพ: หินศักดิ์สิทธิ์เป็นหินแกรนิตที่เขาแกะยอดให้มีรูปทรงเหมือนยอดเขาด้านหลัง ด้านหน้าหินจะเป็นลานไว้ทำพิธี
เราเดินแบบสบายๆ ไม่รีบ ไม่หยุดแช่ ประมาณสองชั่วโมงกว่าก็ถึงช่วงสุดท้าย ไกด์อธิบายเกี่ยวกับบริเวณนั้นแล้วก็ชี้ทางออกแล้วบอกว่าเขาต้องไปก่อน เราเดินเล่นตามสบายจะออกเมื่อไหร่ก็ได้ ตรงนั้นเป็นเทอเรสที่เป็นขั้นๆ มีลามะกินหญ้า/นอนอยู่หลายตัว เราก็เดินดูลามะสักพักถึงออก สรุปเวลาที่ใช้เดินดู Machu Picchu ประมาณ 3 ชั่วโมงอย่างที่เขาว่า
ภาพ: ลานก่อนถึงทางออกมีลามะอยู่หลายตัว ต้นไม้ตรงกลางภาพด้านหลังเป็นอีก landmark นึงของ Machu Picchu เรียกว่า “Lone Tree” หรือเราแปลว่า “ต้นไม้ผู้โดดเดี่ยว” ไกด์บอกว่าต้นไม้ต้นนี้ไม่ได้เป็นต้นไม้แถวนี้แต่มาจากแถว Sacred Valley และถูกนำมาปลูกไว้ตรงนี้ แต่ไม่ทราบว่าเพื่ออะไร
เมื่อก่อนจะมีอีกส่วนนึงที่ตั๋วเข้า Machu Picchu แบบปกติสามารถเดินไปได้ คือตรงที่เรียกว่า Sun Gate จะขึ้นไปเห็นเมืองในมุมที่สูงกว่าเส้นทางปกติ แต่ Sun Gate ปิดตั้งแต่เกิดโควิด ตอนเราไปก็ยังไม่เปิด
ออกจาก Machu Picchu ก็จะเห็นบริเวณที่ขึ้นรถบัสไม่ต้องมองหา เราเดินมาถึงที่จอดรถบัสก็ได้ขึ้นรถเลย ขึ้นไปไม่มีที่นั่งคู่แต่มีไกด์คนนึงเขาลุกให้เราสองคนนั่งด้วยกัน ถึงข้างล่างสี่โมงกว่า เพลียมากเลยแค่ถ่ายรูประหว่างทางไปสถานีรถไฟแล้วไปนั่งๆ นอนๆ รอรถไฟที่สถานี
ระหว่างทางผ่านรูปปั้นกษัตริย์ Pachacuti รูปปั้นจะมี Condor (แร้ง) เกาะอยู่บนบ่า Puma (สิงโตภูเขา) ยืนอยู่ข้างหลัง และ Serpent (งู) อยู่ที่พื้นใกล้ๆ
ตอนเดินใน Machu Picchu ไกด์ อธิบายว่า Inca เขาเชื่อว่าโลกเรามี 3 โลก คือบนฟ้า (สวรรค์) บนดิน (โลก ของสิ่งมีชีวิต) และใต้ดิน (โลกแห่งความตาย) และสัตว์สามอย่างนี้คือตัวแทนของโลกทั้งสาม
- Condor เป็นนกที่บินได้สูงและไกลมาก รวมทั้งมีท่าบินที่ดูสง่างาม ชาว Inca เขาเชื่อว่าเป็นทูตสวรรค์ ผู้ส่งสารของเทพเจ้าระหว่างสวรรค์และโลก
- Puma เป็นเสือที่สง่างาม Inca เขาเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง และเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นตัวแทนของพลังแห่งโลกและดินแดนแห่งสิ่งมีชีวิต
- Serpent เป็นฑูตของยมโลกหรือดินแดนแห่งความตาย เมื่อเราตายไปจากโลกแห่งสิ่งมีชีวิต เราจะไปอยู่ในโลกแห่งความตาย และงูคือฑูตของโลกแห่งความตาย
รูปปั้นกษัตริย์ Pachacuti นี้ในเมือง Cusco ก็มี ยืนอยู่บนน้ำพุที่ Main Square
ภาพ: รูปปั้นกษัตริย์ Pachacuti เห็นแค่ Condor กับ Puma งูอยู่ที่พื้นด้านหลังมองไม่เห็น
ช่วงที่เรากลับมีรถไฟออกค่อนข้างบ่อย คนในสถานีเลยเยอะมาก ขึ้นรถไฟได้ก็หลับเกือบตลอดทาง มาสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงคนเฮตบมือกัน ลืมตาขึ้นมาดูถึงรู้ว่ามีการเดินแบบของพนักงาน แต่ดูได้แป๊ปเดียวก็หลับต่อ จนถึง Ollantaytambo
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เมื่อยมาก แต่ก็คุ้มมากอีกเหมือนกัน Machu Picchu สวยสมคำร่ำลือจริงๆ เพื่อนเราบอกสวยจนลืมไปเลยว่าปวดหัวอยู่ ขนาดมีควัน ฟ้าไม่ค่อยใส ก็ยังสวย มองมุมไหน ตรงไหนก็สวย เข้าใจเลยว่าทำไมใครๆ ถึงอยากมา
พรุ่งนี้ไม่ทำอะไรมาก ตอนเช้าจะเดินไปโบราณสถาน Ollantaytambo แท็กซี่มารับไป Cusco ตอน 11 โมงระหว่างทางจะแวะโบราณสถาน 3 แห่งคือ Chinchero, Maras และ Moray (นี่คือไม่มากใช่ไหม!) ติดตามในตอนหน้านะคะ