ผู้เขียน: 2 Cents
อีกเป้าหมายหนึ่งที่เป็นจุดไฮไลท์ของเปรู นั่นก็คือ Machu Picchu ซึ่งในตอนนี้ต่อเนื่องมาจากครั้งก่อน เริ่มกันเลยค่ะ…
วันรุ่งขึ้นที่ Ollantaytambo กินอาหารเช้าตอน 7 โมง เป็นอาหารง่ายๆ คือไข่เจียว ขนมปัง แยม (ดูแล้วน่าจะทำเอง) และน้ำส้มคั้นเองที่เปรี้ยวมากกว่าหวาน แล้วเดินไปขึ้นรถไฟ โรงแรมที่เราพักอยู่ในซอยตัน สุดซอยคือสถานีรถไฟ เดินจากโรงแรมไปสถานีไม่ถึง 10 นาที ก่อนถึงสถานีรถไฟจะมีร้านขายของริมถนนเหมือนเมืองไทยเรา
ตั๋วเข้า Machu Picchu ของเราคือช่วง 13:00-14:00 น. เราจองตั๋วรถไฟออกจาก Ollantaytambo ตอน 9:15 น. ถึง Aguas Calientes เกือบ 11 โมง เพื่อจะได้มีเวลากินอะไรก่อนขึ้นไปเดินเพราะต้องเดินเยอะและเผื่อรถไฟดีเลย์ ขากลับออกจาก Aguas Calientes เวลา 17:23 น. ถึง Ollantaytambo ประมาณทุ่มนึง
บนตั๋วรถไฟจะระบุเวลา boarding (30 นาทีก่อนรถไฟออก ของเราคือ 8:45 น.) และระบุว่าที่นั่งเราอยู่ตู้ไหน เราไป 30 กว่านาทีล่วงหน้า ตู้เรามีคนต่อแถวก่อนหน้าเราสัก 20 คนได้ 30 นาทีก่อนออกเขาก็ให้ขึ้นรถไฟ นั่งตามที่นั่งที่ระบุบนตั๋ว (แผนผังที่นั่งเราเขียนไว้ให้ใน “เปรู รู้ก่อนเที่ยว ตอนที่ 2” นะคะ) ทางรถไฟเลียบแม่น้ำไปตลอดทาง อีกฝั่งเป็นภูเขาจะเป็นเหมือนกำแพงหิน เราโชคดีได้นั่งฝั่งริมแม่น้ำทั้งขาไปขากลับ
รถไฟใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง มีหยุดส่งคนที่สถานีที่เป็นจุดเริ่มต้นของ Inca Trail วิวข้างทางตลอดทางเป็นภูเขาและแม่น้ำสวยมาก แค่นั่งดูวิวก็ถือว่าได้เที่ยวแล้ว ระหว่างทางมีเครื่องดื่มบริการ เรากับเพื่อนเลือก Coca Tea เพราะอยากลองว่ารสชาติเป็นยังไง คือจืด ไม่ขม ไม่มีกลิ่นอะไรมาก
ภาพ: กำแพงหินโบราณระหว่างนั่งรถไฟ อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นกำแพงเขาเกือบตลอดทาง
รถไฟถึง Aguas Calientes เกือบ 11 โมงตามเวลา ลงจากรถเห็นอากาศขมุกขมัว ก็คุยกับเพื่อนว่ากว่าเราจะขึ้นตอนบ่ายฟ้าคงจ้าขึ้น เดินออกจากเขตสถานีก็เจอคนจากบริษัทไกด์ที่เราจ้างรอเราอยู่ (เฉพาะคนที่มีตั๋วถึงจะเข้าสถานีได้) เธอพาเราเดินทะลุตลาดที่เหมือนตลาดแผงลอยบ้านเราข้ามคูน้ำเล็กๆ ไปอีกฝั่งที่เป็นตัวเมือง แล้วก็ชี้ให้เราดูว่าคิวรอรถบัสสำหรับบัตรเข้า Machu Picchu เวลา 13:00 น. อยู่ตรงไหน เธอบอกให้เราไปกินอะไรก่อนแล้วกลับมาต่อแถวที่คิวนี้ตอน 12:15 น. เธอไม่ใช่ไกด์ ไกด์เรารออยู่ข้างบนแล้วเธอก็เขียนชื่อไกด์ให้
ภาพ: เมือง Aguas Calientes ตัวเมืองอยู่ด้านซ้าย สถานีรถไฟอยู่ทางขวามือ
พอนั่งในร้านอาหารเพื่อนบอกว่าเธอปวดหัวนิดๆ (สงสัยจะเป็นอาการ Altitude Sickness น่าจะกินยาเร็วกว่านั้นวันนึง) ระหว่างรออาหารเราเดินเอาพาสปอร์ตเรากับเพื่อนไปประทับตรา Machu Picchu ใครที่อยากสแตมป์ เขาจะมีตรายางกับหมึกวางไว้ให้เราปั้มเองอยู่หน้าตึกที่ติดกับโบสถ์ทางขวา แถวลานรูปปั้นตรงกลางเมืองนะคะ
กินอาหารเสร็จเดินไปที่คิวเจอคนที่มารับเราต่อแถวรอไว้ให้พอเรามาเธออธิบายว่า เดี๋ยวแถวจะขยับไปขึ้นรถบัสข้างหน้า พอเราขึ้นรถแล้วให้เราส่งข้อความไปบอกเธอว่ารถบัสเบอร์อะไร ไกด์จะได้รอเราถูกคัน เราถามเธอว่าทำไมวันนี้อากาศขมุกขมัวจัง เธอบอกว่าไม่ใช่อากาศขมุกขมัว แต่ที่เห็นคือควันจากไฟป่าที่อยู่อีกฝั่งนึงของภูเขา ยืนรอก็เห็นขี้เถ้าปลิวมาเรื่อยๆ สักพักแถวก็ขยับ แถวดูยาวแต่รถบัสเยอะและวิ่งวนตลอดเวลา เลยรอไม่นาน
ถนนขึ้น Machu Picchu เป็นทางคดเคี้ยวพับไปพับมาขึ้นไปบนเขา ระหว่างทางไม่ค่อยมีวิวนอกจากมองลงไปที่เมืองข้างล่าง 20 กว่านาทีก็ถึง Machu Picchu
ภาพ: ระหว่างทางที่นั่งรถบัสขึ้นไป Machu Picchu ข้างล่างคือเมือง Aguas Calientes
พอลงรถไกด์ก็เดินมาทักเรา ถามเราว่าจะเข้าห้องน้ำอะไรไหม เพราะข้างในไม่มี แล้วก็ต่อแถวรอคิวเพราะเราถึงก่อน 13:00 น. นิดนึง เธอตรงเวลามาก ไม่ให้เข้าจน 13:00 น. เป๊ะ อากาศบน Machu Picchu เย็นสบาย พอเดินเที่ยวสักพักจะค่อนข้างร้อน แต่ควรเตรียมเสื้อแจ็กเก็ตบางๆ มาด้วย เราอ่านบางที่บอกให้เอายากันแมลงไปด้วย แต่เราใส่เสื้อแขนยาวเลยไม่เจอแมลงที่ ขาดไม่ได้คือ หมวกกับครีมกันแดด และน้ำดื่ม
ภาพ: รอเข้าไปใน Machu Picchu
ใน Machu Picchu ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีถังขยะ ไม่มีเก้าอี้นั่ง (แต่นั่งพักบนพื้นหรือหินได้) ช่วงแรกที่เดินใน Machu Picchu จะไม่เห็นอะไรเลย เดินตามทางขึ้นไปเรื่อยๆ พอเริ่มเหนื่อยก็ออกมาถึงจุดที่มองเห็นเมืองคือว้าววว หายเหนื่อยทันที ทางเดินจะไปเข้าจากด้านบนที่มองเห็นเกือบทั้งเมือง Machu Picchu รูปมุมนี้เป็นรูปที่คุ้นเคยกันที่สุด เขาเรียกว่า “Classic View” เราอ่านหลายเว็บบอกว่าถ่ายรูปตรงนี้ตอนพระอาทิตย์ตกจะสวย ปัญหาคือคุณเข้าได้ช้าสุดคือ 3 โมง โบราณสถานปิด 5 โมงแต่พระอาทิตย์ไม่ตกจนประมาณ 6 โมง ไกด์บอกว่าเดี๋ยวนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกบนนั้น
ภาพ: Machu Picchu Classic View มองดีๆ มุมบนด้านซ้ายมือจะเห็นแนวควันไฟ
มองไปไกลๆ เห็นแนวควันมาจากหลังเขา ถามไกด์ว่าไฟเริ่มเมื่อไหร่ เขาตอบว่าเมื่อวานตอนเย็นนี่เอง (โชคดีจริงตรู) เราก็ถามต่อว่าปกติมีไฟป่าทุกปีไหม เพราะปีนี้ไฟป่าที่ Canada ก็รุนแรงมาก ไกด์ตอบว่าก็บ่อยเพราะชาวไร่เขาเตรียมจะปลูกรอบใหม่ เลยเผาหญ้าเผาซังเก่าทิ้ง เราก็ถึงบางอ้อ เป็นไฟป่าแบบไทยเรานี่เอง ก็เลยได้ทราบว่าปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดเฉพาะประเทศเรา แต่คือปัญหาของประเทศกำลังพัฒนา คงต้องให้ความรู้กันอย่างจริงจังถึงจะแก้ปัญหานี้ได้
ขอทิ้งไว้ที่ Classic View มุมนี้ก่อนนะคะ ตอนต่อไปจะพาเที่ยวมุมต่างๆ ใน Machu Picchu กันให้เต็มอิ่มกันเลย เพราะถ้าเล่ากันต่อในตอนนี้จะยาวไปหน่อย ติดตาม Machu Picchu กันอีกตอนค่ะ