บทความโดย ดร.เอื้อมพร ปัญญาใส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แปซิฟิกไพพ์ จำกัด (มหาชน)
กลยุทธ์การเติมเต็ม Passion ถ้ารู้ดี มีกรอบ ก็จะเป็นพลังขับเคลื่อนการทำงานและชีวิต กระตุ้นการสร้างผลลัพธ์ที่ทรงคุณค่า เพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน
สัปดาห์ก่อนมีโอกาสได้คุยกับน้องผู้ประกอบการในต่างจังหวัดรายหนึ่ง น้องบอกว่าทำธุรกิจของทางบ้านมานาน รู้สึกว่าระยะนี้ขาด Passion ในการทำงาน ทำเหมือนเดิมๆ เริ่มไม่ค่อยสนุก กลัวว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า ขอคำแนะนำว่าควรจัดการกับชีวิตอย่างไรดี
เชื่อว่าหลายท่านคงเคยมีโมเมนต์นี้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ไปจนถึงผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจ คำถาม คือ เราจะจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้อย่างไร ทำอย่างไรจึงจะจุดไฟในตัวให้ลุกโชนตลอดเวลา
ในความเป็นจริงที่เราต้องยอมรับ คือ ในชีวิตการทำงาน เราจะมีทั้งช่วงเวลาที่ดี สนุกกับการทำงาน และอาจมีบางครั้งหรือหลายครั้งสำหรับบางคน ที่จะมีช่วงเวลาที่มีความท้าทาย มีอุปสรรค ซึ่งเราต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องปกติของการทำงาน
โดยส่วนตัวผู้เขียนพบว่า สิ่งที่ยากในการจัดการประการหนึ่ง คือ ความรู้สึก และอารมณ์ของเรานี่เอง เพราะในแต่ละวัน เราตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึก และอารมณ์ที่ไม่เหมือนกัน จึงเป็นเรื่องปกติที่บางวันเราจะคึกคัก สนุกสนาน อะดรีนาลีนหลั่ง แม้ว่าการงานจะดูมีอุปสรรค วุ่นวายหลายเรื่องไปหมด ในขณะที่บางวันการงานดูปกติดี แต่เราเองกลับรู้สึกเหนื่อย ไร้ชีวิตชีวา
คำถามที่สำคัญ คือ ความรู้สึกแบบนี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ในบางวัน ไม่ได้เสียหายอะไร หรือว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่บอกว่าเรากำลังขาด Passion
แรงจูงใจ กับ ความหลงใหล… อะไรสำคัญกว่ากัน
Passion หรือที่เรารู้จักกันใน “ความหลงใหล” มักถูกอธิบายว่าเป็นความกระตือรือร้นอย่างแรงกล้าหรือโน้มเอียงอย่างแรงกล้าต่อบางสิ่งบางอย่าง บางกิจกรรม หรือเป็นการแสวงหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ โดยมีแรงขับเคลื่อนภายใน ทำให้ความท้าทายดูเหมือนยากที่จะเอาชนะได้ และความรู้สึกธรรมดาๆ ก็น่าตื่นเต้น ในหลายๆ ด้าน ความหลงใหลเป็นเชื้อเพลิงที่ขับเคลื่อนความสำเร็จส่วนบุคคล เมื่อเราหลงใหลในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราจะทุ่มเททั้งเวลาและพลังงานให้กับสิ่งนั้นด้วยความเต็มใจ และมักจะทำเกินกว่าที่จำเป็น
ส่วน Motivation หรือ แรงจูงใจเป็นแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังการกระทำ ซึ่งส่งผลต่อความพยายามของแต่ละคนในการบรรลุเป้าหมาย อาจเกิดจากปัจจัยภายใน (แรงจูงใจภายใน) เช่น การเติบโตและการเติมเต็มส่วนบุคคล หรือปัจจัยภายนอก (แรงจูงใจภายนอก) เช่น รางวัลและการยอมรับ
ในขณะที่ ความหลงใหลมักพัฒนาผ่านประสบการณ์ส่วนตัว ความสนใจ และค่านิยม เป็นการขับเคลื่อนจากภายในของแต่ละคน แต่แรงจูงใจนอกจากจะสร้างได้ด้วยตนเองแล้ว ยังสามารถได้รับอิทธิพลจากรูปแบบความเป็นผู้นำ วัฒนธรรมในที่ทำงาน และสถานการณ์ของแต่ละบุคคล
แรงจูงใจสูงจะนำไปสู่การเพิ่มผลผลิต การมีส่วนร่วม และการบรรลุเป้าหมาย ในขณะที่ความหลงใหลอันแรงกล้ามีส่วนทำให้เกิดนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และวัฒนธรรมองค์กรเชิงบวก
3P: Passion-Purpose-Profit
แม้ว่าความหลงใหลสามารถเป็นตัวเร่งให้เกิดความสำเร็จได้ แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียวเท่านั้น ความสำเร็จมักต้องอาศัยความกระตือรือร้น ความอุตสาหะ การพัฒนาทักษะ และยังรวมไปถึงจุดมุ่งหมาย หรือเจตนารมย์ (Purpose) และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน การมีแต่ความหลงใหล ใฝ่ฝัน แต่ขาดความมุ่งหมายและแนวทางไปสู่จุดมุ่งหมายนั้น ก็อาจจะเป็นแค่นักฝัน (Dreamer) คนหนึ่ง
ตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จจำนวนมาก เช่น Steve Jobs หรือ Oprah Winfrey ถูกขับเคลื่อนด้วยความหลงใหลของพวกเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขายังปลูกฝังทักษะที่สำคัญ ยอมรับความยืดหยุ่น และรักษาการมุ่งเน้นที่เป้าหมายอย่างเข้มแข็ง หากได้อ่านประวัติของบุคคลเหล่านี้ จะพบว่า ช่วงแรกเริ่มอาจจะเป็นความหลงใหล ความฝัน แต่ทุกคนมีเส้นทางในการฝ่าฟันไปสู่จุดหมาย ทำให้เกิดผลสำเร็จ และ Profit มาให้ ไม่ใช่เพียงแค่ Profit ในรูปทรัพย์สิน หากแต่หมายถึงประโยชน์ด้านอื่นๆ ด้วย
Beyond Passion: มีอะไรอีกบ้างที่ต้องฝึกฝนเพื่อความสำเร็จ?
การพัฒนาทักษะ: ความหลงใหลที่ไม่มีทักษะอาจทำให้เกิดความสงสัยและคับข้องใจ ใช้เวลาฝึกฝนงานฝีมือของคุณผ่านการฝึกฝน การศึกษา และประสบการณ์จริง ความเชี่ยวชาญมาจากทั้งความหลงใหลและความขยันหมั่นเพียร
ความเพียรพยายาม: เส้นทางสู่ความสำเร็จมักปูด้วยความล้มเหลว การมุ่งมั่นต่อเป้าหมายของคุณอาจต้องเผชิญกับความท้าทายเป็นสิ่งสำคัญ
การสร้างเครือข่าย: การสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลที่มีความคิดเหมือนกันสามารถเป็นประตูไปสู่ความสำเร็จได้ การทำงานร่วมกันมักจะขยายความสำเร็จและนำมุมมองที่สดใหม่มาสู่การเดินทางของคุณ
ความสามารถในการปรับตัว: ทักษะที่สำคัญในการปรับตัว มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนแนวทางของคุณเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสำคัญ ความสำเร็จมักขึ้นอยู่กับการเปิดรับแนวคิดและทิศทางใหม่ๆ
กรอบความคิด: กรอบความคิดแบบไม่ยึดติด (Growth Mindset) โดยเชื่อว่าความสามารถของคุณสามารถพัฒนาได้ผ่านการทำงานหนักและความทุ่มเท สามารถเสริมสร้างความยืดหยุ่นและเปิดโอกาสใหม่ๆ ได้
แม้ว่าการเริ่มต้นด้วยความหลงใหลสามารถเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งได้ แต่ก็ไม่ใช่ข้อกำหนดที่แท้จริงสำหรับความสำเร็จ หลายๆ คนค้นพบความหลงใหลของตนเองระหว่างทาง หากไปถามนักธุรกิจหลายท่านจะพบว่า หลายท่านไม่ได้เริ่มจาก Passion แต่จะเริ่มจากความถนัด หรือทักษะที่มี
บางรายรับมรดกกิจการจากครอบครัว อาจอยู่ในสถานะที่ไม่ได้ชอบ และไม่มีความถนัดเสียด้วยซ้ำ หากแต่ภายหลังพบความชอบในสาขานี้ผ่านประสบการณ์ของพวกเขา กุญแจสำคัญในเรื่องนี้ คือ เราต้องมีใจเปิดกว้างต่อการเรียนรู้เพื่อเติบโต
ความสำเร็จที่ปราศจากความหลงใหล: เป็นไปได้ไหม?
แน่นอนว่า มีบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งอาจไม่มีความหลงใหลในงานของตน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จมักเกิดจากปัจจัยอื่นๆ เช่น การคิดเชิงกลยุทธ์ จังหวะเวลา และความเข้าใจตลาด ความหลงใหลอาจไม่ใช่ตัวขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว แต่มักจะช่วยเพิ่มการเดินทางและอาจนำไปสู่การเติมเต็มที่มากขึ้น
ความหลงใหลยังคงอยู่หรือไม่? จะต้องพึ่งพาอะไรอีก?
ความหลงใหลสามารถลดลงและเปลี่ยนไปตามกาลยุคสมัยและกาลเวลา โดยได้รับอิทธิพลจากสถานการณ์ในชีวิต แม้ว่าความหลงใหลจะมีคุณค่า แต่การพึ่งพาความหลงใหลเพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่ความผิดหวังได้ การปลูกฝังจรรยาบรรณในการทำงานที่แข็งแกร่ง ความยืดหยุ่น และเครือข่ายที่สนับสนุนสามารถเป็นรากฐานที่มั่นคงยิ่งขึ้นสำหรับความสำเร็จที่ยั่งยืน
ทำไมผู้คนถึงบ่นเกี่ยวกับการขาดความหลงใหล?
หลายๆ คนประสบกับความไม่พอใจในอาชีพการงานและไม่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่ตนเองทำ สาเหตุนี้อาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น ค่านิยมที่ไม่ตรงกันกับสภาพแวดล้อมในการทำงาน ความเหนื่อยหน่าย หรือเพียงแค่ติดอยู่กับกิจวัตรประจำวัน การขาดความหลงใหลสามารถนำไปสู่ความรู้สึกไม่สมหวังและอาจทำให้ท้อแท้ กระตุ้นให้แต่ละบุคคลแสวงหาการเปลี่ยนแปลง
ทำอย่างไรให้ไม่หมดไฟ….
การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: เข้าร่วมหลักสูตร เวิร์คช็อป หรือการสัมมนาเพื่อเพิ่มพูนความรู้และจุดประกายความกระตือรือร้นของคุณ
ตั้งเป้าหมายใหม่: แบ่งเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นเป็นเหตุการณ์สำคัญที่เล็กลงและบรรลุได้ เฉลิมฉลองชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ เพื่อรักษาแรงจูงใจ
ใคร่ครวญ: ใช้เวลาประเมินความสนใจและความหลงใหลของคุณเป็นประจำ อะไรที่ทำให้คุณตื่นเต้น? อะไรทำให้คุณรู้สึกสมหวัง?
รู้จักคนใหม่ๆ เครือข่ายใหม่: เติมพลังและไฟของเราด้วยการพาตัวเองไปอยู่ในที่ใหม่ๆ กลุ่มเพื่อนใหม่ๆ สถานการณ์แบบนี้ทำให้คุณต้องปรับตัว และอาจเป็นแรงกระตุ้นให้คุณจุดประกายความหลงใหลของคุณเองได้อีกครั้ง
หยุดพัก: ให้เวลาตัวเองได้ชาร์จพลัง บางครั้งการก้าวออกจากงานสามารถนำมาซึ่งมุมมองใหม่ๆ และความหลงใหลที่เพิ่มขึ้นได้
การทดลอง: ลองกิจกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของคุณ การทดลองสามารถนำไปสู่การค้นพบที่ไม่คาดคิดและเติมพลังให้กับความหลงใหลของคุณ
ความหลงใหลเป็นตัวขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพต่อความสำเร็จ แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสมการเท่านั้น ด้วยการปลูกฝังทักษะเสริม ความยืดหยุ่น และเครือข่ายที่สนับสนุน คุณสามารถสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการบรรลุเป้าหมายของคุณได้ แม้ว่าความหลงใหลอาจลดน้อยลงเรื่อยๆ แต่ความมุ่งมั่นในการเติบโตและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องสามารถทำให้การเดินทางของคุณมีชีวิตชีวา เติมเต็ม และประสบความสำเร็จได้
ที่สำคัญ… Success is a journey, not a destination. ความสำเร็จไม่ใช่แค่การไปถึงจุดหมายปลายทางเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการเพลิดเพลินกับการเดินทาง และการค้นพบสิ่งที่ขับเคลื่อนคุณอย่างแท้จริงตลอดเส้นทางอีกด้วย
