ผู้เขียน: 2 Cents
วันนี้เป็นวันเกือบสุดท้ายที่อยู่ Cusco และเปรู มีกิจกรรมเดียวคือไป Rainbow Mountain ที่มีกิจกรรมเดียวเพราะมันใช้เวลาทั้งวัน ทัวร์เลยรวมอาหารเช้ากับเที่ยงไว้ให้
ภาพ: แผนที่ระหว่าง Cusca กับ Vinicunca
ภูเขาที่จะไปนี้มีชื่อว่า Vinicunca หรือชื่อในทางท่องเที่ยวคือ Rainbow Mountain เพราะมีสีสันสวยงาม ที่นี่เป็นสถานที่เที่ยวในเขต Cusco มีคนมาเที่ยวมากเป็นที่สองรองจาก Machu Picchu ถึงแม้ว่าจะไปไม่ง่ายเลย
เหตุที่ Rainbow Mountain มีสีหลายหลาก เป็นเพราะมีการสะสมของแร่ธาตุต่างๆ เท่าที่เราอ่านเจอเขาบอกว่า
- สีชมพูมาจากดินเหนียวสีแดง โคลน และทราย
- สีขาวมาจากสารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม คาร์บอเนต เช่น quartzite และหินทราย
- สีแดงมาจากดินเหนียวและหินดินดานที่มีธาตุเหล็ก
- สีเขียวและสีน้ำเงินมาจากการผสมผสานของ phyllite และดินที่มี ferromagnesium เยอะ
- สีเหลืองเกิดจากชั้นของ iron sulfide
เราเลือกทัวร์ที่ไปด้วย ATV ไม่ไปทัวร์ที่เดินเกือบ 4 กิโลเข้าไปเพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเดินไหวไหมที่ระดับความสูงขนาดนั้น (เราอายุ 50 ต้นๆ สุขภาพดีออกกำลังกายพอประมาณ เพื่อนเราอายุ 50 กลางๆ ไม่ค่อยออกกำลังกายแต่ไม่มีโรคประจำตัว) และคิดว่าขับ ATV น่าจะสนุกกว่าเดิน (เราให้รายละเอียดเกี่ยวกับทัวร์นี้ไว้ใน “เปรู รู้ก่อนเที่ยว” ตอนที่ 2 นะคะ)
ภาพ: ผู้เขียนกับเพื่อนบน ATV
ทัวร์นัดเวลามารับที่โรงแรมตอน 6:15 น. (ถ้าไปทัวร์แบบไม่ขับ ATV แต่เดินเข้าไป ทัวร์จะเริ่มประมาณตี 3 กว่า เพราะต้องใช้เวลาเดินไป-กลับหลายชั่วโมง) ใกล้ถึงเวลานัดเขา WhatsApp มาว่าจะถึงแล้ว ชื่อใน WhatsApp เป็นอีกบริษัทนึงไม่ใช่ที่เราซื้อ เรามาเสิร์ซหาเขาไม่มีเว็บเพจคงจะเน้นขายทัวร์ให้คนเปรู ถึงได้ราคาถูก
รถที่มารับเป็นรถเบนซ์แวนสภาพดีมีคนอยู่บนรถแล้ว 2 คน เรากับเพื่อนเลือกที่นั่งได้ก็นอนเอาแรง รับเราเสร็จเขาก็วนไปรับคนอื่นต่อรวมประมาณ 16-17 คน ดูแล้วมีคนต่างชาติ 6-7 คน นอกนั้นเป็นคนเปรู รับคนครบก็เริ่มเดินทาง ซึ่งใช้เวลานานพอสมควรเพราะอยู่ไกลและถนนครึ่งหลังจะเป็นถนนลูกรังเลนเดียวริมเขา
จาก Cusco นั่งรถสองชั่วโมงถึงที่กินอาหารเช้าเป็น buffet แบบชาวบ้าน เรากินเนื้อผัดอะไรไม่รู้ เนื้อนุ่มดีอร่อยใช้ได้ หลังจากกินอาหารเสร็จก็นั่งรถต่ออีก 2 ชั่วโมง เพื่อไปยังจุดเริ่มต้นของ ATV ระหว่างทางวิวสวย ถ้าไม่นับความน่ากลัวของถนนนะ ถนนเขาเป็นถนนหินกรวดเลนเดียวริมไหล่เขา ไม่มีอะไรกั้นขอบถนน ขึ้นเขาลงเขาไม่รู้กี่ลูก เป็นถนนแบบนี้อยู่เกือบ 2 ชั่วโมง มองลงไปก็เสียว แต่วิวสวยมากๆ ดีที่เป็นเขาโล้นๆ แห้งๆ ไม่มีต้นไม้ เลยเห็นรถสวนแต่ไกลเตรียมตัวหลบกันได้ง่าย ระหว่างทางมีจุดเก็บค่าบริการสองจุด จุดนึงคนละ S/.5 อีกจุดคนละ S/.20 รับเงินสดเท่านั้น
ภาพ: วิวระหว่างที่นั่งรถ
ที่จุดเริ่ม ATV มีห้องน้ำให้เข้า ห้องน้ำสะอาดแต่ไม่ฟรีเสียค่าใช้บริการคนละ S/.2 เข้าห้องน้ำอะไรเสร็จไกด์ก็บอกให้เราหัดขับ ATV เราเลือกรถเองแล้วมีคนสอนขับแล้วก็ปล่อยเราขับวนไปวนมาแถวนั้น
ตรงจุดนี้นอกจากขับ ATV เข้าไปคุณสามารถจ้างมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งได้นะคะ มีสองสามคนในทัวร์เราที่ลงจากรถก็ขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปเลย แต่เราไม่ทราบว่าราคาเท่าไหร่
ซ้อมขับวนๆ ไม่กี่นาทีไกด์ก็ให้พวกเราตั้งแถว แล้วเธอ (ไกด์ผู้หญิง) ก็ซิ่ง ATV นำไป จะมีคนของทัวร์อีกคนขี่มอเตอร์ไซค์ตามปิดท้าย ทางจะคดเคี้ยวขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างทางวิวก็สวยมาก ด้านนึงจะมีภูเขาที่ยอดมีหิมะปกคลุมเหมือนยุโรป ไม่คิดว่าเปรูจะมีวิวแบบนี้ ระหว่างทางไกด์หยุดให้ดูวิวแป๊ปนึงแล้วก็ซิ่งกันต่อ ไม่แน่ใจว่าขับ ATV นานแค่ไหนแต่ไม่รู้สึกว่านานมาก
ภาพ: วิวระหว่างที่ขับ ATV
=====
Rainbow Mountain
แล้วเราก็มาถึง Rainbow Mountain ที่ความสูง 16,000 กว่าฟุต สูงกว่ายอดเขา Jungfrau ในสวิสเซอร์แลนด์ร่วมพันฟุต และต่ำกว่า Everest base camp ไม่ถึงสองพันฟุต ขับ ATV นี่มาถึงที่เลยจริงๆ!! มองเห็นตั้งแต่ยังไม่ถึงที่จอดรถเลย คือมองจากที่จอดรถก็เห็นแต่จะให้เห็นแบบสวยๆ เต็มๆ ต้องเดินขึ้นไปดูบนเนินที่เดินใกล้นิดเดียวแต่ใช้เวลาเดินเกือบสิบนาทีเพราะเหนื่อยมากจริงๆ เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดหอบ
อากาศที่นี่เย็นมาก ระหว่างทางที่ขับ ATV มาก็เย็นต้องใส่ถุงมือ ยิ่งตรงจุดชมวิว ลมจะแรงและหนาวมาก ใครจะมาควรเตรียมเสื้อมาหลายๆ ชั้น เสื้อกันหนาวแบบหนา รวมทั้งเตรียมถุงมือ หมวก ผ้าพันคอมาด้วย
ภาพ: Vinicunca Rainbow Mountain
ไกด์นัดเวลากลับมาเจอกันที่ลานจอดมีเวลาเดินดูวิวถ่ายรูปประมาณ 40 กว่านาที มีคนตั้งโต๊ะประทับตรา Vinicunca บนพาสปอร์ตให้แต่ที่นี่ไม่ฟรีเหมือนที่ Machu Picchu นะคะ ถ้าจำไม่ผิดคือ S/.3
แถวที่จอดรถจะมีแผงขายน้ำ/อาหารอยู่ พอถึงเวลานัดลูกทัวร์คนนึงนั่งกินอะไรไม่รู้ ไกด์เรียกยังไงเธอก็ไม่สนใจ ไกด์ได้แค่เดินมาบอกเราว่าคนเปรูเขาไม่แคร์ว่านัดกี่โมง ทุกคนก็เลยต้องรอเธอ ประมาณสิบกว่านาที ตอนขับ ATV กลับไม่มีหยุดดูวิว
เราคิดว่าเลือกทัวร์ที่ไปง่ายคือขับ ATV แต่เอาจริงๆ ขับ ATV ก็ไม่ใช่จะง่ายนะคะ ถ้าใครข้อมือไม่แข็ง แนะนำว่าอย่าขับ ให้คนอื่นขับแล้วซ้อนเอาดีกว่า เพราะ ATV พวงมาลัยหนักมากและคันเร่งเขาเป็นก้านกดอยู่ที่มือจับ เหมือนเกียร์จักรยานบางคัน ไม่ได้ใช้เท้าเหยียบแบบรถ ด้วยความที่พวงมาลัยหนักมาก เวลาเลี้ยวเราต้องกำพวงมาลัยอย่างแน่นเพื่อเลี้ยวให้ทันโค้ง นั่นคือไม่สามารถเลี้ยวพร้อมใช้นิ้วกดคันเร่งได้ 😅
ทางลงก็โอเคหรอก แต่ทางขึ้นมันต้องกดคันเร่งไปด้วย เลยค่อนข้างทุลักทุเล และเมื่อยแขนมากกก แต่ยังไงก็ง่ายกว่าเดิน 8 กิโลไปกลับแน่ๆ
กลับมาขึ้นรถตู้ ทุกคนตัวเลอะเทอะเป็นลูกควายเล่นโคลน คนขับรถตู้ถึงกับไม่ให้ขึ้นรถ ยื่นผ้าเปียกผืนนึง กับแปรงอันนึงให้ บอกให้พวกเราทำความสะอาดเสื้อ กางเกง รองเท้า ให้สะอาดก่อนขึ้นรถ 😆
จากนั้นเหมือนเดิมคือนั่งรถเลียบเหวดูวิวสองชั่วโมงมากินข้าวที่เดิม แล้วก็นั่งรถอีก 2 ชั่วโมงกลับ Cusco รถส่งเราที่หน้าโรงแรมตอนหกโมงกว่า เป็นอีกกิจกรรมที่เรากับเพื่อนพูดกันไม่รู้กี่ครั้งว่าสวยมาก ถ้าไม่มานี่เสียดายแย่เลย คือมันสวยจริงๆ (อีกแล้ว) มองไปทางไหนก็สวยแต่บนยอดเขาอากาศหนาวมาก ลมแรงมาก และก็เหนื่อยมาก แต่มันยิ่งกว่าคุ้ม
ภาพ: วิวระหว่างนั่งรถกลับ Cusco
วันรุ่งขึ้นเราเดินเล่นใน Cusco ตอนเช้าก่อนบินกลับไป Lima เพื่อบินต่อไป Curacao เราเดินขึ้นลงเนินบนถนนใน Cusco ค่อนข้างเยอะแต่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย น่าจะแปลว่าร่างกายเราปรับตัวให้เข้ากับความสูงได้แล้ว แต่กว่าจะปรับตัวได้ก็กลับพอดี 😅
เป็นอันจบการผจญภัยในเปรูของเรา สิริรวม 11 วันเต็มที่อยู่ในเปรู ทุกที่ที่ไปสวยมากๆ และแนะนำมากๆ ว่าถ้าใครมีโอกาสมาเปรู อย่าไปแค่ Machu Picchu นะคะ เปรูมีอะไรให้เที่ยวมากกว่านั้น
ก็ขอจบการพาเที่ยวเปรูไว้ตรงนี้ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน ยังมีเรื่องราวทั้งเรื่องท่องเที่ยวและเรื่องอื่นๆ ที่อยากมาแชร์อีกหลายเรื่อง โปรดติดตามต่อไป แต่ช่วงนี้ขอหยุดสักระยะเพราะงานเริ่มยุ่งแล้วค่ะ